มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ได้จัดพิธีปัจฉิมนิเทศ นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 โดยมีนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 ที่เข้าร่วมจำนวน 30 คน ซึ่งมีกำหนดจบการศึกษาในปีการศึกษา 2561 และมีกำหนดเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในปี 2563 รวมถึงเลือกพื้นที่ปฏิบัติงานโรงพยาบาลรัฐต่อไป โดยมี รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดี ให้โอวาท รศ.ดร.ชยาพร วัฒนศิริ รองอธิการบดี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ และพลโท ศ.เกียรติคุณ นพ.นพดล วรอุไร คณบดีสำนักวิชาแพทยศาสตร์ ตลอดจนผู้บริหาร คณาจารย์ เข้าร่วมพิธี
ทั้งนี้ คณบดีสำนักวิชาแพทยศาสตร์ ได้กล่าวว่า เป็นความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยอย่างยิ่ง จาก 6 ปีที่แล้วเป็นเด็กที่เพิ่งจบมัธยมศึกษา เมื่อได้รับการดูแลจากครูอาจารย์อย่างใกล้ชิด ผ่านการเรียนการสอนที่ออกแบบมาอย่างดี วันนี้จึงสำเร็จได้เป็นบัณฑิตแพทย์ จะออกไปรับใช้ประเทศชาติ เป็นแพทย์รุ่นแรกของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
“จากเด็กม .6 ที่ได้รับการพัฒนาจากครูอาจารย์ เนื่องจากนักศึกษาเรามีจำนวนไม่มากนัก ครูอาจารย์จึงดูแลได้อย่างใกล้ชิด ทั้งการเรียนการสอนในชั้นปรีคลินิก และชั้นคลินิก และนักศึกษาของเราถึงจะเป็นรุ่นแรก เมื่อเข้ามาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ สามารถพัฒนาให้มีความรู้มีทักษะจนสามารถสอบผ่านระดับประเทศ (สอบใบประกอบวิชาชีพทางการแพทย์) ผลการสอบค่อนข้างดี ถือว่านอกจากอาจารย์เราเป็นผู้มีความรู้ความสามารถพัฒนาเด็กได้ ตัวเด็กเองก็มีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเอง ให้สามารถศึกษาเล่าเรียนจนจบแล้วเป็นบัณฑิตแพทย์ที่ดีต่อไป”
ทั้งยังฝากหลักคิดในการทำงานให้ยึดตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก ที่ว่า ‘ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งวิชาชีพไว้ให้บริสุทธิ์’ เมื่อตามหลักการนี้ก็จะมีความเจริญเป็นที่รักเคารพ เป็นที่เชื่อถือของประชาชนโดยรวม มีความภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนเองได้ทำให้เกิดกับประเทศชาติ”
นอกจากนี้ คณบดีแพทยศาสตร์ยังได้ฝากความหวังไว้กับบัณฑิตแพทย์มฟล.ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการคลี่คลายปัญหาความไม่เท่าเทียมในโอกาสการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของประชาชน
“เรื่องนี้เป็นปัญหาสำคัญ เป็นโจทย์สำคัญ ของการผลิตแพทย์ มฟล. จึงได้เน้นตั้งแต่ปีแรกที่เข้าเรียน ปลูกฝังให้รักชุมชน เข้าใจปัญหาในชุมชน และอยู่ในชุมชนได้ เชื่อว่าเมื่อจบแล้วจะสามารถไปอยู่ในชุมชนในระดับต่างๆ ในทุกพื้นที่ จากนี้ไปจนตลอดชีวิตการเป็นแพทย์ขอให้ไม่ลืมผู้ที่ด้อยโอกาส ให้ใช้สิ่งที่ได้พบได้เห็นจากการลงพื้นที่ระหว่างเรียน กระตุ้นตัวเองอยู่เสมอให้ช่วยเหลือให้ยังประโยชน์ให้คนต่างๆ เหล่านี้ เท่าที่จะทำได้อยู่เสมอ”
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ