เดินหน้าด้วยหลักปรัชญาพอเพียง ท้องถิ่นพึ่งพาตนเอง
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราฎร์ธานี(มรส.) จัดประชุมผู้ใหญ่บ้านและแกนนําหมู่บ้านในพื้นที่ ตำบลขุนทะเล อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการพึ่งพาตนเองของประชาชนในท้องถิ่น เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ศูนย์บูรณาการการศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น
ดร.วัฒนา รัตนพรหม รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราฎร์ธานี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยตระหนักถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนชุมชนให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน เพื่อสนองพระราโชบายในหลวงรัชกาลที่ 10 ถือเป็นกลไกลสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชน โดยมหาวิทยาลัยจะพยายามแก้ปัญหาความยากจน ร่วมกับท้องถิ่นกำหนดทิศทางการทำงานให้เกิดความยั่งยืนที่ไม่ถูกบริหารด้วยระบบทุนนิยม เพื่อท้องถิ่นจะสามารถเดินไปได้อย่างมั่นคงมีองค์ความรู้เพียงพอ เข้าใจในในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รู้ค่าของความพอประมาณ มีภูมิคุ้มกันที่อยู่ภายใต้หลักคุณธรรม
ในโอกาสนี้ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ให้การสนับสนุนในเชิงนโยบายและสนับสนุนงบประมานในการขับเคลื่อน โดยทางมหาวิทยาลัยกับจังหวัดเละภาคีเครือข่ายอื่นที่เกี่ยวข้องได้ประสานงานกันอย่างต่เนื่องในการช่วยเหลือชุมชนท้องถิ่นในทุกด้าน ด้วยการร่วมคิดร่วมทำแบบหุ้นส่วน สร้างองค์ความรู้ที่เรียบง่ายแต่ลุ่มลึกในศาสตร์นั้น ๆโดยเฉพาะการใช้ศาสตร์พระราชา ที่ทางมหาวิทยาลัยให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมีปณิธานอันแน่วแน่ที่จะพัฒนาชุมชนที่แท้จริง และเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาประเทศโดยการขับเคลื่อนจากชุมชนฐานรากสร้างชุมชนให้มีความเข็มแข็ง ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน นำไปสู่ผลกำไรที่ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเงินแต่รวมไปถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดำรงชีพในสังคมได้อย่างเป็นสุข ดร.วัฒนา กล่าว
ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไชยวัฒน์ เผือกคง รอง อธิการบดีฝ่ายบริการวิชาการ เปิดเผยว่า ตำบลขุนทะเล เป็นพื้นที่เป้าหมายในการส่งเสริมและ พัฒนาครัวเรือนยากจนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งการประชุมในครั้งนี้มีผู้ใหญ่บ้านและแกนนําหมู่บ้านในตําบลขุนทะเล ตัวแทนจากเทศบาลตําบลขุนทะเล ตัวแทนจากศูนย์การศึกษานอก โรงเรียนอําเภอเมืองและผู้อํานวยการศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจชุมชน มรส.เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง มหาวิทยาลัยยินดีที่จะร่วมแก้ไขปัญหาและพร้อมเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน ซึ่งต้องเกิดจากความต้องการของประชาชนเป็นพื้นฐานสําคัญ ไม่ใช่เกิดจากการสั่งการตามนโยบายอย่างเดียว
ในที่ประชุมได้กําหนดแนวทางพัฒนาพื้นที่ตําบลขุนทะเล ประกอบด้วย ต่อยอดการดําเนินงานที่ผ่านมา เช่น พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้มีคุณภาพ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ จัดทําสลากสินค้าภายใต้ชื่อแบรนด์ “ขุน เล” และส่งเสริมการตลาด นอกจากนี้ ยังวางแผนขับเคลื่อนการเพิ่มรายได้จากวิกฤติราคา ยางและปาล์มตกต่ำ โดยการรวมกลุ่มเกษตรแปลง ใหญ่เพื่อปลูกพืชผักจําหน่ายทั้งตลาดภายในชุมชน และภายนอกชุมชน เป็นต้น และเตรียมวางแผน ต้อนรับองคมนตรีที่จะมาตรวจเยี่ยมในเดือน กุมภาพันธ์ปีหน้าในพื้นที่หมู่ 8 บ้านคลองเรือ ตําบลขุนทะเล โดยจะมีการนัดประชุมเพื่อ เตรียมการและจัดทําฐานข้อมูลชุมชน(Big Data) ต่อไป
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ