อธิการฯเน้นย้ำ ก้าวต่ออย่างมั่นคง ดำรงคุณค่าในสิ่งที่มีและรักษาในสิ่งที่เป็น
รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต (มสด.) กล่าวในการประชุมบุคลากรถึงทิศทางการดำเนินงานของมสด.ว่า มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เติบโตและเข้มแข็งมาตลอด 85 ปี โดยมีวิสัยทัศน์และวางแผนกลยุทธ์ มสด. 2561-2564 ว่าเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางมีอัตลักษณ์โดดเด่นด้านอาหาร การศึกษาปฐมวัย อุตสาหกรรมบริการ และการพยาบาลและสุขภาวะภายใต้กระบวนการพัฒนาเพื่อความเป็นเลิศ บนพื้นฐานของการจัดการคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลได้วางนโยบายไว้
ทั้งนี้ มสด. ได้เปลี่ยนสถานภาพมหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ โดยพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสวนดุสิตมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 18 กรกฏาคม 2558 ซึ่งจะครบรอบ 4 ปีในเดือนนี้ ปัจจุบัน สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ส่งผลให้กฎระเบียบ ข้อบังคับ และพ.ร.บ.ต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงไป จึงอยากให้บุคลากร ทั้งสายวิชาการและสายสนับสนุน ปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง ทำได้หลายหน้าที่ เรียนรู้องค์ความรู้ใหม่ และพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นอยู่เสมอ โดยพัฒนาจากสิ่งที่มหาวิทยาลัยเข้มแข็งให้ดียิ่งขึ้น
รศ.ดร.ศิโรจน์กล่าวว่า มสด.มีประวัติศาสตร์และรากฐานมาอย่างยาวนาน มีวัฒนธรรมเป็นแบบของ สวนดุสิตเอง ถูกหล่อหลอมว่าตั้งแต่ยุคสมัยโรงเรียนการเรือน เชี่ยวชาญด้านอาหาร การบริการต่างๆ ซึ่งหากคิดแต่จะเรียนรู้ไปข้างหน้า แต่ลืมรากฐาน เราจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เราเป็น สิ่งที่สำคัญ คือ รู้จักตัวตน เข้าใจที่มา เข้าใจความเป็นสวนดุสิต สร้างคุณค่าในสิ่งที่มีอยู่ และรักษาในสิ่งที่เราเป็น ปัจจุบันมหาวิทยาลัย ได้เพิ่มความเร็วในการที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น เราคงจะไม่ใช้คำว่า “Change” ในการเปลี่ยน เพราะอาจจะต้องใช้ระยะเวลา คงต้องใช้คำว่า “Disruption” คือเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อเน้นการอยู่รอด เช่น คิดบูรณาการระหว่างหลักสูตรกับหลักสูตร หลักสูตรกับหน่วยงานปฏิบัติ ก่อเกิดเป็นหลักสูตรที่ทันสมัย และนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็จะได้องค์ความรู้ใหม่
“จึงฝากให้ทุกคนช่วยกันคิด ช่วยกันทำ พร้อมเน้นย้ำในเรื่องพัฒนา Work-Life Skills คือ การได้ใช้ทักษะที่มีลงปฏิบัติจริงในการเรียนการสอน หากทำได้จะกลายเป็นจุดแข็งของมหาวิทยาลัยฯ ส่งผลให้นักศึกษา และมหาวิทยาลัยสวนดุสิตอยู่รอดในอนาคตได้”
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ