พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมมอบนโยบายผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐและเอกชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 และมอบโล่เกียรติคุณให้แก่ผู้บริหารสถานศึกษาทั้ง 2 ประเภท โดยกล่าวว่า “ขอแสดงความชื่นชมและขอเป็นกำลังใจกับผู้บริหารสถานศึกษาที่มีความสามารถบริหารสถานศึกษาจนประสบความสำเร็จในครั้งนี้”
จากนั้นรมช.ศธ.ให้นโยบายผู้บริหารสถานศึกษา โดยย้ำถึงการได้เกิดมาเป็นคนไทยโชคดีที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เอาพระราชหฤทัยใส่ โดยในหลวงรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานศาสตร์พระราชาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไว้เป็นหลักการดำเนินชีวิตแก่คนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในแวดวงการศึกษา และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ก็ทรงตั้งพระราชหฤทัยสืบสาน รักษา ต่อยอดโดยพระราชทานพระราโชบายด้านการศึกษาซึ่งตรงกับการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษา อันเป็นบทบาท สำคัญที่จะได้ผลิตทรัพยากรบุคคล ที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นคนดี มีงานทำซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการศึกษา 20 ปี นี่คือ ความโชคดีของวงการศึกษาไทย
อีกทั้งตรงกับภารกิจของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ผ่านการจัดตั้ง 1 ศูนย์กลาง 6 ศูนย์ภูมิภาค 18 ศูนย์จังหวัด ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา
ด้านดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า ได้กำชับให้ผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน น้อมนำพระราโชบาย ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้แก่ มีทัศนคติที่ดีและถูกต้อง, มีพื้นฐานชีวิตที่ดี มีความเข้มแข็ง มีระเบียบวินัย, มีงานทำ มีอาชีพ และเป็นพลเมืองที่ดี ไปสู่การปฏิบัติ โดยขอให้ทุกวิทยาลัยรัฐและเอกชนไปคิดหาวิธีการขับเคลื่อนให้สอดคล้องกับบริบทของตนเอง การถ่ายทอดไปสู่ครู นักเรียน และกำหนดตัวชี้วัดในการประเมินผลที่ชัดเจน ทั้งนี้ ให้ถือเป็นแนวทางปฏิรูปอาชีวศึกษา
นอกจากนี้ โจทย์สำคัญของอาชีวะคือการผลิตและพัฒนากำลังคน ขณะนี้สังคมกำลังคาดหวังกับอาชีวะอย่างสูงสุด แต่ปัจจุบันความสามารถในการผลิตของอาชีวะทั้งรัฐและเอกชนทั่วประเทศ 911 แห่ง อยู่ที่ 1.1 ล้านคนต่อปี ขณะเดียวกันยังประสบปัญหาขาดแคลนครู กว่า 18,000 คน ซึ่งข้อมูลบุคลากรปี 2561 พบว่า มีบุคลากรทั้งหมด 40,575 คน ในจำนวนนี้เป็นข้าราชการครู 16,274 คน และสายสอนซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว 6,773 คน
ดร.สุเทพ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในปี 2562 เป็นต้นไปอาชีวะจะมุ่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสทางการศึกษา และสร้างความเข้มแข็งให้สถานศึกษา ที่สำคัญการพัฒนาอาชีวะในยุค 4.0 มี 2 Q ที่ต้องคำนึงถึง นั่นคือ Quality (คุณภาพ) และ Quantity (ปริมาณ) ซึ่งการไปถึงเป้าหมายดังกล่าวจะต้องเปลี่ยนใหม่หมด ทั้งการบริหาร ผู้บริหารอาชีวะต้องปรับวิสัยทัศน์ ต้องมีภาวะผู้นำอย่างสูง และเชื่อมประสานโน้มน้าวเอกชนมาช่วยเรา ซึ่งกำลังอ่อนแอเพื่อสร้างทุนมนุษย์ให้มากขึ้น ขณะท่ีการจัดการเรียนการสอนต้องเน้นแบบแอคทีฟเลิร์นนิ่ง ต้องพัฒนาให้เด็กมีคุณลักษณะพึงประสงค์ คือ มีทักษะคิดวิเคราะห์ มีคุณธรรม มีวินัย ,มีสมรรถนะในการประกอบอาชีพ และมีเส้นทางอาชีพ (Career Path)
การประชุมมอบนโยบายผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐและเอกชนประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุมรวม 1,160 คน ทั้งนี้ การประชุมได้จัดให้มีการมอบโล่เกียรติคุณให้แก่ผู้บริหารสถานศึกษา คือ สถานศึกษาที่มีผลการประเมินคุณภาพการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2560 ระดับคุณภาพดีเยี่ยม จำนวน 29 สถานศึกษา และสถานศึกษาที่ชนะเลิศโครงการส่งเสริมรักการอ่าน “ผมจะเป็นคนดี” จำนวน 7 สถานศึกษา รวมทั้งสิ้น 36 สถานศึกษา
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ