“บุญรักษ์” เผยการรับนักเรียนพื้นที่บริการ 100% ยังเป็นแค่แนวคิดต้องฟังความเห็นผู้เกี่ยวข้องก่อน
วันที่ 17 ก.ค.2561 นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีการปรับหลักเกณฑ์การรับนักเรียน โดยให้มีการรับเด็กในพื้นที่บริการ 100% ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นแนวคิดหนึ่ง และอยู่ระหว่างการรวบรวมความคิดเห็น หลักการคือ ลดการสอบเพื่อเข้าเรียนต่อลง โรงเรียนทั่วไปควรให้รับเด็กในพื้นที่บริการ 100% แต่ในโรงเรียนอัตราการแข่งขันสูง หรือโรงเรียนที่เน้นการเรียนการสอนเฉพาะทาง ก็จะต้องมีวิธีการอีกอย่างหนึ่ง
ทั้งนี้ หลักการอยู่ที่การประกาศเขตพื้นที่บริหาร ซึ่งเบื้องต้นจะมีการกำหนดเขตพื้นที่บริหารใหม่ แบ่งเป็น เขตพื้นที่บริการระดับชุมชนโดยรอบโรงเรียน เขตพื้นที่บริการระดับอำเภอ เขตพื้นที่บริการระดับจังหวัด เขตพื้นที่บริการกลุ่มจังหวัดที่มีพื้นที่ต่อเนื่องหรือมีเป้าหมาย เช่น กลุ่มโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย และสุดท้าย คือเขตพื้นที่บริการระดับประเทศ เช่น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งเปิดรับนักเรียนจากทั่วประเทศเข้าเรียน ซึ่งการพิจารณาจะต้องดูว่าโรงเรียนแต่ละประเภท ควรกำหนดเขตพื้นที่บริการในลักษณะใด อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในอนาคตจะกระจายอำนาจในการรับเด็กเข้าเรียน ให้คณะกรรมการรับนักเรียน ของจังหวัด และโรงเรียน เป็นผู้ดูแล ว่าโรงเรียนใด ควรมีเขตพื้นที่บริการแค่ไหน โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะเป็นเพียงผู้กำหนดนโยบาย
นายบุญรักษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่หลายฝ่ายเป็นกังวลว่าการกำหนดเขตพื้นที่บริการใหม่ จะทำให้เกิดปัญหา เพราะขณะนี้มีความซ้ำซ้อน บ้านเลขที่หนึ่ง อาจอยู่ในหลายเขตพื้นที่บริการ รวมถึงอาจทำให้เกิดการฟ้องร้อง เพราะผู้ปกครองในพื้นที่เดิมอาจเสียสิทธิจากการแบ่งพื้นที่ใหม่ นั้น ข้อกังวลเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรารับรู้ และต้องไปแก้ในรายละเอียด แต่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะไม่กระทบมาก เพราะจำนวนเด็กลดลง คงไม่ไปล้นในบ้างพื้นที่มากเกินไป หรือหากจำนวนเด็กมากเกินไป โรงเรียนก็สามารถขยายห้องเรียน รวมถึง สพฐ.มีนโยบายเพิ่มโรงเรียนด้วย
อย่างไรก็ตาม แนวทางการรับนักเรียนดังกล่าว จะต้องสอบถามความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้องก่อนเสนอให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณา และที่สำคัญจะต้องเสนอให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ให้ความเห็นชอบ ซึ่งถ้าสามารถจัดทำรายละเอียดได้ทันภายในเดือน ธ.ค. ก็จะได้เริ่มใช้ในการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 แต่ถ้าไม่ทัน ก็จัดทำรายละเอียดไว้ใช้ในปีถัดไป แต่การเปลี่ยนแปลงใด ๆ จะต้องสร้างความเข้าใจให้ประชาชนเป็นสำคัญ
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ