ราชกิจจาประกาศใช้ พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาแล้ว เตรียมตั้งบอร์ดกองทุนฯ ภายใน60วัน
นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2561 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. 2561 ณ วันที่ 10 พ.ค.2561 โดยมีเนื้อหารายละเอียดทั้งหมด 18 หน้า 55 มาตรา โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ
นพ.สุภกร กล่าวว่า ตามความในมาตรา 51 ของพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ฉบับนี้ ในวาระเริ่มแรกคณะกรรมการส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน พ.ศ.2553 จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และผู้จัดการ สสค. จะเป็นผู้จัดการกองทุนตาม พ.ร.บ.นี้ ไปจนกว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ.นี้มีผลใช้บังคับ โดยรับฟังข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา
ทั้งนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาครั้งแรก ในวันอังคารที่ 19 มิ.ย.2561 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาจะต้องจัดทำแผนการใช้งบประมาณ เพื่อเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบเป็นรายปี โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินงานได้ภายในปีงบประมาณ 2562 ซึ่งในระยะแรกคณะกรรมการ สสค. จะทำหน้าที่เตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ให้แก่กองทุน เช่น การจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์ของกองทุน การจัดทำคำขอทุนประเดิม การจัดเตรียมความพร้อมขององค์กรเพื่อให้กองทุนสามารถเริ่มดำเนินงานได้ตามกรอบระยะเวลา
สำหรับ พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จัดตั้งขึ้นตามมาตรา 54 วรรค 6 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่บัญญัติให้จัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา และเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู โดยให้รัฐจัดสรรงบประมาณให้แก่กองทุน หรือใช้มาตรการ หรือกลไกทางภาษี รวมทั้งการให้ผู้บริจาคทรัพย์สินเข้ากองทุน ได้ประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี โดยให้กองทุนมีการบริหารจัดการที่เป็นอิสระ
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ