โกงทุนเสมาฯ ข้อมูลมากสอบเพิ่มอีก 19 ปาก “อถรรพล” แย้มสิ้นเม.ย.นี้ไม่น่าทันขอขยายเวลาอีก 15 วันชัวร์!
วันที่ 24 เม.ย.2561 นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสืบสวนฯ ว่า ขณะนี้อดีตปลัด ศธ. และอดีตรองปลัด ศธ. ได้ส่งเอกสารชี้แจงการดำเนินการกองทุนเสมาฯ มาให้คณะกรรมการสืบสวนฯ พิจารณาเกือบครบแล้ว เหลืออีกเพียง 2-3 ราย ซึ่งขอเอกสารมายังคณะกรรมการสืบสวนฯ จำนวนมาก
ดังนั้น คณะกรรมการอาจจะตัดประเด็นที่ให้อดีตปลัดศธ. และอดีตรองปลัดศธ. ชี้แจงออกไปเจตนาที่ให้ชี้แจง เพราะอยากให้ยืนยันในเรื่องการใช้ดุลยพินิจ ในการเสนองานหรือการสั่งการ โดยเรื่องมีเอกสารที่เกี่ยวข้องและข้อมูลจำนวนมาก ดังนั้นคิดว่ากำหนดที่จะสรุปภายในสิ้นเดือนเม.ย.นี้ไม่น่าจะทัน โดยตนจะเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาขยายเวลาการสืบสวนออกไป อีกประมาณ 15 วัน คาดว่ากลางเดือน พ.ค.น่าจะได้ข้อสรุป
“ตามจริงการสืบสวนฯ ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน เพียงแต่เคยให้สัญญาไว้ว่าสิ้นเดือนเม.ย.ควรจะได้ข้อสรุป แต่ล่าสุดจำเป็นต้องตรวจสอบผู้ที่ลงนามเบิกถอน ว่าได้ใช้ความระมัดระวังเพียงใด อีกส่วนคือกลุ่มที่รับผิดชอบงานบัญชี ได้กำหนดมาตรการการส่งใบเสร็จรับเงินไว้หรือไม่อย่างไร เพราะสังเกตเห็นว่าสถานศึกษาหลายแห่งออกใบเสร็จรับเงิน แต่ไม่ได้ถูกนำมาเก็บไว้ในบัญชี แต่กลับถูกเก็บไว้ที่นางรจนา สินที อดีตข้าราชการระดับ 8 ที่ดูแลเรื่องนี้ ทำจนเป็นความเคยชิน จนกระทั่งว่าหนังสือราชการบางฉบับแทนที่จะส่งถึง ปลัด ศธ. กลับส่งถึงนางรจนา โดยตรง ดังนั้นจึงต้องขอเวลาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนี้เพิ่มเติม โดยตั้งแต่วันที่ 25-26 เม.ย. จะเชิญผู้เกี่ยวข้องอีกประมาณ 19 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ เช่น บางเป็นผู้มีอำนาจเซ็นเบิกถอน ผู้มีอำนาจในการจัดทำบัญชี ซึ่งจะต้องจัดเก็บเอกสารมาให้ข้อมูล ทั้งนี้บางคนยังทำงานอยู่ที่ ศธ. แต่บางคนได้ไปทำงานที่อื่นแล้ว แต่จำเป็นต้องเชิญมาให้ข้อมูล เพื่อจะดูว่าเส้นทางการดำเนินการขณะนั้นเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่ตรวจสอบขั้นตอนการขออนุมัติ กับตอนส่งให้ธนาคารบางครั้งตัวเลขจำนวนเงินตรง แต่มีการสลับตำแหน่งเลขที่บัญชี ซึ่งหากมีการสลับ เท่ากับว่าจำนวนเงินที่ต้องโอนในแต่ละบัญชีจะต้องเคลื่อนตามไปด้วย ทางคณะกรรมการสืบสวนฯ จึงอยากรู้ว่า ขณะนั้นมีกสนตรวจสอบหรือไม่ อย่างไร และก่อนที่จะมีการเบิกถอน หรือโอนมีความละเอียดรอบคอบมากน้อยแค่ไหน”
นายอรรถพล กล่าวย้ำว่า ทางคณะกรรมการสืบสวนฯ มีการประสานข้อมูลกับ ป.ป.ท. อยู่ตลอดเวลา โดยล่าสุดได้ส่งเจ้าของบัญชีที่รับโอน ไปให้ข้อมูลกับทางป.ป.ท. ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง รับโอนเงิน 1.5 หมื่นบาท ในช่วงปี 2548 ได้เข้ามาชี้แจง โดยยืนยันว่าขณะนั้นโรงเรียนมีเด็กที่รับทุนกองทุนเสมาฯ จำนวน 5 ราย และเงินดังกล่าวก็รับโอนเพื่อนำไปให้ทุนการศึกษาต่อเด็ก
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ