มติเอกฉันท์ 6:0-ให้ยื่นอุทธรณ์30วัน
เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2561 นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดกรุงเทพมหานคร (กศจ.กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กศจ.กทม.เพื่อพิจารณาโทษวินัยอย่างร้ายแรงนายวิโรฒ สำรวล ผอ.สามเสนวิทยาลัย กรณีปรากฏคลิปรับเงิน 4แสนบาท แลกกับการรับนักเรียน ม.1 ปีการศึกษา 2560 ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ได้สรุปผลเบื้องต้นว่าผิดวินัยอย่างร้ายแรง ว่าที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ 6:0 ลงโทษไล่ออกจากราชการ นายวิโรฒ ฐานกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยขั้นตอนจากนี้จะทำหนังสือแจ้งผลการตัดสินไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อแจ้งให้ นายวิโรฒ ทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ตามสิทธินายวิโรฒ สามารถยื่นอุทธรณ์ ได้ภายใน 30 วันหากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ขณะนี้เรื่องของนายวิโรฒ ถือว่าสิ้นสุดแล้ว ที่ประชุมโดยกรรมการทั้ง 6คน มีมติเอกฉันท์ให้ลงโทษวินัยอย่างร้ายแรง ไล่ออกจากราชการ และก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการตามมติ ครม.ใช้มาตรการป้องกันและปราบทุจริตในระบบราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) กทม.ได้มีหนังสือคำสั่งที่สำนักงาน ศธจ. กรุงเทพฯ ที่ 008/2561 ลงวันที่ 5 เม.ย.2561 เรื่อง ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว”ปลัด ศธ. กล่าว
ด้านนายธนารัชต์ สมคเณ รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.) เขต 1กทม. กล่าวว่า ตนได้เข้าร่วมประชุมในฐานะผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด และได้นำเอกสารความดีความชอบของนายวิโรฒ ให้คณะกรรมการฯ พิจารณา แต่ผลจะออกมาอย่างไรนั้น ต้องรอให้ ศธจ.ส่งหนังสือมายัง สพม.1 ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดก่อน จึงจะให้นิติกรแจ้งให้นายวิโรฒ ทราบต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นดังกล่าว แต่เห็นตรงกันว่าเพื่อเป็นมาตรฐานการลงโทษ ตามมติ ครม.ปี 2536 ว่าการทุจริตต่อหน้าที่ราชการกำหนดมาตรฐานโทษไว้ว่า ปลดออกหรือไล่ออกอย่างเดียว จะอ้างเหตุผลความดีความชอบเพื่อลบล้างกับการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องนี้ถือเป็นอุทธาหรณ์ของผู้บริหาร เนื่องจากไม่ใช่เรื่องที่ดำเนินการให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่เป็นการวางแผนล่อซื้อ เพราะมีการถ่ายคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งต้องย้อนกลับไปดูว่าผู้ปกครองเข้าข่ายให้สินบนเจ้าพนักงาน ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ระบุไว้หรือไม่
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ