วารินทร์ พรหมคุณ
ประวัติศาสตร์ชาติไทย
และ บุญคุณของพระมหากษัตริย์ไทย
รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้ความสำคัญ และส่งเสริม ปลูกฝังความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย เพื่อเผยให้เห็นถึงกลไกและความคิดทางประวัติศาสตร์ ที่ทั้งเปิดเผยและแฝงอยู่ โดยมีเป้าหมายชัดเจนที่ต้องการให้คนในชาติ เกิดความรักสามัคคี ความปรองดองในสังคม ตลอดจนมีความสำนึกและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
นับแต่มีรัฐบาล คสช. การเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย ถูกนำเสนออย่างเข้มข้น ผ่านระบบการศึกษาทั้งภาคบังคับทุกระดับชั้น และการศึกษานอกระบบ โดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดำเนินการปรับปรุงวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ซึ่งอยู่ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ด้วยการแยกวิชาการทั้งสองออกจากกัน และพิจารณาเพิ่มเวลาเรียนวิชาประวัติศาสตร์ให้มากขึ้น โดยมุ่งหวังให้เยาวชนเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของบ้านเมือง เกิดสำนึกความรักชาติ และเห็นความสำคัญของเอกลักษณ์ไทย
นอกจากการปรับปรุงหลักสูตรเพิ่มเติมเนื้อหาในระบบภาคบังคับแล้ว รัฐบาลยังจัดทำโครงการอบรม “ประวัติศาสตร์ชาติไทยและพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย” โดยมีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ร่วมเป็นวิทยากรอบรม ดำเนินงานด้วยงบประมาณของ ศธ.
ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา โครงการนี้เข้าถึงทุกหน่วยงานในสังกัด ศธ. มีผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียน นักศึกษา ทั้งจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) เข้ารับการอบรมรุ่นแล้วรุ่นเล่า ด้วยงบประมาณก้อนโตพอสมควร
สาระสำคัญของการอบรมตามที่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล อดีต รมช.ศึกษาธิการ ได้เคยบรรยายพิเศษเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย เพื่อปลูกจิตสำนึกความรักชาติ ศรัทธายึดมั่นในศาสนา เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้แก่ผู้บริหารสำนักงาน กศน. ส่วนกลาง, สำนักงาน กศน.จังหวัด, และผู้บริหารระดับอำเภอในทุกจังหวัดทั่วประเทศที่เข้ารับการอบรม ตอนหนึ่งว่า
“…ศธ. มุ่งดำเนินงานเพื่อจัดการศึกษาเรียนรู้แก่ผู้เรียน และประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งการจัดโครงการอบรมครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างความเป็นพลเมือง หน้าที่พลเมือง ที่เน้นความรับผิดชอบ เน้นความรู้รักสามัคคี รู้ความเป็นมาเป็นไปรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่จะช่วยสร้างความรักชาติ ศาสนา และบูรพมหากษัตริย์ที่ได้สละเลือดเนื้อเพื่อรักษาผืนแผ่นดินไทยให้เราได้อยู่มาจนทุกวันนี้ ตลอดจนพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทย ให้ได้อยู่ดีมีความสุข
ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนช่วยกันขยายผลโครงการอบรมนี้ในวงกว้างมากขึ้น เพื่อเผยแพร่ประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ถูกต้องไปสู่เด็กและเยาวชน ได้รับรู้ที่มาที่ไป ได้รับรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ต่อแผ่นดินไทย สามารถเชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพื่อให้เกิดทัศนคติที่ถูกต้อง เกิดความรัก หวงแหนความเป็นชาติ และสามารถดำรงรักษาความเป็นชาติไทยไว้ในอนาคต
โดยเฉพาะในส่วนของประชาชน นอกจากจะต้องดำเนินการให้ประชาชนทุกช่วงวัย ได้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และมีศักยภาพ อยู่ในสังคมแห่งการเรียนรู้ได้อย่างมีความสุขแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างการรับรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย พระราชกรณียกิจนานัปการของพระมหากษัตริย์ไทยเพื่อให้พสกนิกรอยู่เย็นเป็นสุข” ม.ล.ปนัดดา กล่าว
สำหรับสำนักงาน กศน.ถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่ “เข้าถึง เข้าใจ และพัฒนา” ประชาชนในระดับฐานรากของประเทศมาช้านาน
โดยนายกฤตชัย อรุณรัตน์ เลขาธิการ กศน. กล่าวว่า ตั้งแต่เดือน พ.ค.2560 เป็นต้นมา มีผู้บริหารสำนักงาน กศน.จากส่วนกลาง สำนักงาน กศน.จังหวัด สถานศึกษาที่ขึ้นตรง และผู้บริหารระดับอำเภอบางส่วนในทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวนกว่า 550 คนเข้าอบรมในโครงการนี้ และขณะนี้ได้จะขยายผลการอบรมในส่วนภูมิภาค ในกลุ่มผู้บริหาร กศน.อำเภอที่เหลือ และครู กศน.ตำบลในพื้นที่ โดยจัดเป็นกลุ่ม/ศูนย์จังหวัด 17 ครั้ง รวมทั้งหมด 10,615 คน
โดยเฉพาะครู กศน.ตำบล ที่จะเป็นแกนนำขยายผล สู่ผู้เรียน กศน. และประชาชนทั่วไป ในการสร้างทัศนคติ และความเข้าใจเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ และประวัติศาสตร์ชาติไทย ได้อย่างถูกต้อง
“ขณะนี้สำนักงาน กศน.ได้รับความร่วมมือจาก กอ.รมน. สนับสนุนวิทยากรอบรม คือนายหมวดเอก ธารณา คชเสนี และว่าที่ ร.ต.น้ำเพ็ชร คชเสนี สัตยารักษ์ เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย และสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ให้มีความเข้าใจอย่างถูกต้อง โดยมุ่งหวังผู้เข้าอบรมจะสามารถนำความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ไปดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน สำหรับผู้เรียนและประชาชนทั่วไป ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย และสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป” เลขาธิการ กศน.กล่าวทิ้งท้าย
โครงการประวัติศาสตร์ชาติไทย และบุญคุณของพระมหากษัตริย์ไทย เป็นโครงการที่ดีตามความตั้งใจของรัฐบาล คสช. ที่จะปลุกพลังความสามัคคี สร้างความปรองดอง ความรักชาติผ่านประวัติศาสตร์ ซึ่งตลอด 2-3ปีที่ผ่านมานี้เชื่อว่าองค์ความรู้เหล่านั้นได้แทรกซึมถึงก้นบึ้งหัวใจคนไทย เด็กและเยาวชนเลือดใหม่จะเกิดภาคภูมิในความเป็นไทย
และอย่าให้กำลังกาย กำลังใจ และกำลังทรัพย์ที่ทุ่มเทลงไปไม่สูญเปล่า ด้วยขณะนี้มีเสียงติฉินว่ามา…มีการแสวงหาประโยชน์จากโครงการระดับชาตินี้เกิดขึ้นแล้ว ถือเป็นอีกเรื่องที่ต้องให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างที่ท่านประกาศอย่างชัดเจนว่า
“จะต้องไม่มีแหล่งทำมาหากินใน ศธ.อย่างเด็ดขาด”
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ