หมออุดม เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ พร้อมผลักดัน ก.อุดมศึกษา
วันที่ 5 ธันวาคม 2560 ที่อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ คนใหม่ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ. ข้าราชการและบุคลากรให้การต้อนรับ
โดย นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต้อนรับ ว่าหลายคนสงสัยว่าทำไม ศธ.มี “หมอ” มาเป็นรัฐมนตรี อีกคน แต่จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวว่าจะเป็นหมอ หรือเป็นทหาร นพ.อุดม เป็นหมอที่อยู่ในวงการศึกษามานาน จนเป็นที่ยอมรับ และครั้งนี้จะมาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนโยบายรัฐบาล ซึ่ง นพ.อุดม ไม่ได้มาทำงานด้านอุดมศึกษาอย่างเดียว แต่จะเข้ามาช่วยดูแลการศึกษาทั้งระบบ ไม่ว่าจะอย่างไรในอีก 1 ปี รัฐบาล และคณะรัฐมนตรีก็ต้องไป ดังนั้น จากนี้อยากให้บรรยากาศการทำงานอบอุ่นเช่นนี้ตลอดไป ช่วยวางแนวทางไว้ หากแนวทางเราดี นักการเมืองที่จะเข้ามาเขาก็ต้องทำตามที่เราวางไว้ ข้าราชการจะได้ไม่ต้องรับแรงกดดันทางการเมืองโดยไม่จำเป็น
ด้าน นพ.อุดม กล่าวว่า ตนเป็นแพทย์ ก็จริงแต่ช่วงหลังได้มาทำงานด้านการศึกษาเป็นส่วนใหญ่ ตนคิดว่า ศธ.เป็นกระทรวงที่สำคัญเพราะเป็นอนาคตของชาติ ถ้า ศธ.ไม่สามารถปรับตัวเอง ขับเคลื่อนงานต่าง ๆ ให้สำเร็จ ประเทศเราไม่มีทางพัฒนา เพราะการศึกษาเป็นพื้นฐานของการพัฒนาทุกอย่าง ดังนั้น การปฏิรูปการศึกษาทุกระดับตั้งแต่ก่อนอุดมศึกษา จนถึงอุดมศึกษาต้องเชื่อมโยงทั้งระบบ จากนี้ต้องมีการบูรณาการกันจริง ๆ โดยนำยุทธศาสตร์ประเทศมาเป็นเป้าหมายหลัก เพราะเชื่อว่าคนไทยไม่ได้เก่งน้อยกว่าชาติอื่น เพียงแต่ระบบการศึกษาไม่ได้จัดให้เอื้ออำนวยให้คนเหล่านั้นเก่งและดีได้
“ผมถือเอาวันดี วันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 วันพ่อแห่งชาติ ซึ่งเป็นวันมงคลเป็นฤกษ์ดี ผมเองมีความผูกพันกับในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งที่พระองค์ประทับที่โรงพยาบาลศิริราช จึงขอนำพระองค์ท่านเป็นหลักชัยในการเข้าทำงาน ถือเป็นวันมงคล ให้ทำงานอย่างประสบความสำเร็จราบรื่น โดยด้านการศึกษา ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานด้านการศึกษาไว้มากมาย ทั้งนี้ ผมเองตั้งใจมาทำงานแม้จะรู้ว่าเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพราะหลังเลือกตั้งคงบอกไม่ได้ว่าเราจะเป็นอย่างไร และมีคนบอกผมว่า ผมมาช่วงนี้เป็นช่วงที่จะมีคนด่าพอดี เพราะกำลังจะเลือกตั้ง แต่ไม่เป็นไร ผมยินดี เพราะเราตั้งใจมาทำในสิ่งที่ดี เพื่อประเทศ ผมคิดว่าการวางรากฐานการปฏิรูปการศึกษา เป็นเรื่องสำคัญ ทั้งก่อนอุดมศึกษา และอุดมศึกษาต้องไปด้วยกัน หากทำสำเร็จจะยกระดับประเทศ สร้างศักยภาพ และทำให้ประเทศแข่งขันได้จริง ๆ ทั้งหมดนี้ผม หรือ รมว.ศึกษาธิการ ทำคนเดียวไม่ได้ ข้าราชการทุกคน ต้องช่วยกันทั้งหมด อยากให้ช่วยกัน ผมเองก็จะทุ่มเทเต็มที่เพื่ออนาคตของประเทศ”
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามนอกจากเรื่องอุดมศึกษาแล้ว ตนยังได้รับมอบหมายให้ลงไปแก้ปัญหาระบบอินเตอร์เน็ตใน 3 หมื่นโรงเรียน ให้สามารถใช้ในการเรียนการสอนได้อย่างราบรื่น
นพ.อุดม ยังกล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายที่อยากผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมในช่วง 1ปี ที่อยู่ในตำแหน่ง อย่างแรกคือผลักดันให้เกิดกระทรวงการอุดมศึกษา ซึ่งได้หารือกับคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ที่มี นพ.จรัส สุวรรณเวลา เป็นประธานเรียบร้อยแล้ว รายละเอียดต่าง ๆ ที่ได้รับข้อเสนอมาทางคณะทำงานเตรียมการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา ที่ตนเป็นประธานได้มีการปรับปรุงรายละเอียนค่อนข้างเรียบร้อย คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการอิสระฯ ในวันที่ 12 ธันวาคม นี้ หากคณะกรรมการอิสระฯ ให้ความเห็นชอบจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล ก่อนเข้ากระบวนการนิติบัญญัติคาดว่าจะใช้เวลา 8-9 เดือน ก็จะมีผลบังคับใช้และเกิดเป็นกระทรวงการอุดมศึกษา ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง
“กระทรวงการอุดมศึกษา จะเป็นหน่วยงานสำคัญในการวางแผนผลิตกำลังคนที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ และนอกจากการตั้งกระทรวงการอุดมศึกษาแล้ว ยังต้องเดินหน้าเรื่องการปฏิรูปการศึกษา โดยระยะเร่งด่วน และจะไปทำความเข้าใจกับทุกมหาวิทยาลัย ในการเรื่องการจัดการเรียนการสอน ที่ต้องเปลี่ยนแปลง เพราะปัจจุบันอัตราการเกิดน้อยลง การเรียนเพียงศาสตร์เดียว อาจไม่เพียงพอ จึงอยากให้มหาวิทยาลัยปรับรูปแบบการเรียนการสอน โดยเปิดให้นักศึกษาสามารถเลือกสาขา/คณะได้ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ สามารถเลือกเรียนบริหารหรือนิติศาสตร์เพื่อให้มีความรู้รอบด้าน นอกจากนี้ยังอยากให้มหาวิทยาลัยจัดทำหลักสูตรผู้สูงอายุ เพราะอีกประมาณ 13 ปี จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้น 25 % ของจำนวนประชากรทั้งหมด คิดเป็น 1 ใน 4 ของคนทั้งประเทศ ดังนั้นมหาวิทยาลัยต้องเตรียมการรองรับ เปิดหลักสูตรให้ผู้สูงอายุได้เรียนและจบออกไปทำงานอย่างมีคุณภาพ” นพ.อุดม กล่าวทิ้งท้าย
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ