สพฐ.จับมือ ก.พลังงานสนองนโยบาย”ประเทศไทยไร้ขยะ”
จากข้อมูลกรมควบคุมมลพิษ ปี 2559 พบว่าปริมาณของเสียอันตรายจากชุมชนเกิดขึ้นทั่วประเทศ มากกว่า 600,000 ตัน เฉลี่ยคนไทยสร้างขยะ คนละกว่า 7 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการประเทศไทยไร้ขยะ ตามแนวทางประชารัฐ ระยะที่ 1 (พ.ศ.2559-2560)
นายณรงค์ แผ้วพลสง รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) โดยสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กระทรวงพลังงาน และอีกหลายหน่วยงาน ร่วมกันเปิดศูนย์การเรียนรู้ลดใช้พลังงาน การจัดการขยะและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในพื้นที่นำร่องสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.) ขอนแก่น เขต 3 ให้เป็นแหล่งเรียนรู้แก่นักเรียน และประชาชน เรื่องการใช้พลังงานและสร้างจิตสำนึก ด้านการบริหารจัดการขยะการลดปริมาณขยะ ใช้ประโยชน์จากขยะ และน้ำเสียจากขยะ ในสถานศึกษาสู่ชุมชน
โดยมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบสิ่งแวดล้อม จำนวน 15,000 โรง เพื่อลดปริมาณขยะในสถานศึกษาให้ได้มากที่สุด และสร้างองค์ความรู้รวมถึงจิตสำนึกการนำขยะมาใช้ประโยชน์
รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ ภายใน ศูนย์การเรียน จะมีฐานการเรียนรู้ที่พร้อมให้บริการสาระความรู้การลดใช้พลังงาน การจัดการขยะและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำนวน 10 ฐาน ดังนี้ ฐานศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน, ฐานโลกไร้ตะวันสะกิตคิด พิชิตลดโลกร้อน, ฐานน้ำใช้รู้ใช้น้ำ, ฐานพลังงานเพื่อชีวิต, ฐานบ้านประหยัดพลังงาน, ฐานเส้นทางชีวิต ของผลิตภัณฑ์ LCA, ฐาน Zero waste, ฐานอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, ห้องเรียนสีเขียว และฐานความหลากหลายทางชีวภาพ
ด้านนายศุภสิน ภูศรีโสม ผอ.สพป.ขอนแก่น เขต 3 กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อลดคาร์บอน (Carbon Emission) ในระดับโลก และอาเซียน โดยมีเป้าหมายการลดคาร์บอนอย่างน้อย ร้อยละ 25-30 ภายใน 20 ปี จึงมีนโยบายให้ทุกหน่วยงาน บูรณาการด้านการจัดการขยะ ดังนั้น สพฐ. จึงจัดทำแผนการสร้างจิตสำนึกด้านการจัดการขยะ ในสถานศึกษาและชุมชน โดยได้มอบหมายให้ สพป.ขอนแก่น เขต3 และ สพป.กระบี่ นำร่องโครงการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ลดใช้พลังงาน การจัดการขยะ และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในระดับภูมิภาค โดยศูนย์การเรียนรู้ฯ ที่ขอนแก่น จะเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเยาวชนในจังหวัดขอนแก่น และภูมิภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ