ก.ค.ศ.เยียวยา”รองผอ.เขตฯ” เร่งวิเคราะห์ภาระงานและกรอบอัตรากำลังของ สพท.ใหม่ เพื่อให้ทราบว่า สพท.ควรมีรอง ผอ.เขตฯ กี่ตำแหน่ง แล้วค่อยเกลี่ยอัตรากำลัง เน้นตำแหน่งที่ว่างก่อน
ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่ประชุมได้มีการหารือในหลักการการพัฒนาผู้ที่จะเข้าสู่ตำแหน่งใหม่และวิทยฐานะใหม่ บางวิทยฐานะ ตามมาตรา 80แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งได้มีการกำหนดให้มีการอบรมเข้ม 180 ชั่วโมง หรือ 60 ชั่วโมงตามหลักสูตร ที่ ก.ค.ศ. กำหนด
ที่ประชุมเห็นว่าควรมีการปรับปรุงวิธีการที่จะพัฒนาการเข้าสู่ตำแหน่งและวิทยฐานะ ให้มีความยืดหยุ่น และมีทางเลือกในการพัฒนาที่กว้างขึ้น อาทิ การพัฒนาตามระบบ PLC การพัฒนาตามหลักสูตรคุรุพัฒนา การพัฒนาด้วยระบบพี่เลี้ยง การฝึกงานเพื่อเสริมประสบการณ์ และการอบรมเข้มที่อาจจะเป็นหลักสูตรที่ ศธ.รับรอง โดยมีเงื่อนไขว่าการพัฒนาดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามสมรรถนะที่ต้องการ แต่ไม่ใช่เป็นแค่เพียงการไปนั่งอบรมอย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่จะไปอบรมที่สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาเป็นหลัก ที่ประชุมได้มอบให้ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ไปจัดทำรายละเอียดและนำเสนอให้บอร์ด ก.ค.ศ.เห็นชอบต่อไป
ปลัด ศธ. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้หารือกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีความประสงค์ที่จะสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง รอง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งว่างอยู่ 209 ตำแหน่ง จึงเสนอขอให้มีกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้มาดำรงตำแหน่ง รอง ผอ.เขตพื้นที่ฯ
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นว่าขณะนี้ ศธ.อยู่ระหว่างการเข้าสู่โครงสร้างใหม่ จากคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 19/2560 ที่กำหนดให้มีสำนักงานศึกษาธิการภาค (ศธภ.) สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.) และกำหนดบทบาทอำนาจหน้าที่ของทั้งสองหน่วยงานไว้ ทำให้อำนาจหน้าที่ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) บางส่วนไปเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน ศธจ. ประกอบกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เองยังมีตำแหน่งรอง ผอ.เขตพื้นที่ฯ ที่มีเงื่อนไขอยู่อีกว่า 300 คน
จึงมอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปวิเคราะห์ภาระงานและกรอบอัตรากำลังของ สพท.ใหม่ เพื่อให้ทราบว่า สพท.ควรมีรอง ผอ.เขตพื้นที่ฯ กี่ตำแหน่ง หลังจากนั้นให้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการเกลี่ยอัตรากำลัง รอง ผอ.เขตพื้นที่ฯ ที่มีเงื่อนไขให้ดำรงตำแหน่งที่ว่างก่อน เพื่อเป็นการเยียวยาและแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการที่มีมานาน
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ