ที่โรงแรมโฆษิตฮิลล์ จ.เพชรบูรณ์ ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปฎิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เป็นประธานเปิด”การสัมมนาการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา” ซึ่งได้รับความสนใจจากครูและบุคลากรทางการศึกษา และสมาชิกจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูในเขตภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 16 แห่ง เข้าร่วมรับฟังแนวทางการดำเนินการในครั้งนี้
ภายหลังเปิดการสัมมนา ดร.พิษณุ ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) บันทึกข้อตกลงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา กับประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครู (กลุ่มนำร่อง) สหกรณ์ออมทรัพย์ครู จำนวน 16 แห่ง ได้แก่
สหกรณ์ออมทรัพย์ สามัญศึกษาเพชรบูรณ์ จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเพชรบูรณ์ จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูตาก จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำพูน จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเชียงใหม่ จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูแพร่ จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูสุโขทัย จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเชียงราย จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูหนองบัวลำภู จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูสุรินทร์ จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูยโสธร จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเลย จำกัด
สหกรณ์ออมทรัพย์สามัญศึกษาลำปาง จำกัด
และ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุดรธานี จำกัด
“การจัดสวัสดิการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษา ซึ่งเป็นสมาชิก ช.พ.ค.-ช.พ.ส. นั้น สกสค.ได้มาทำบันทึกข้อตกลงกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เพื่อที่จะร่วมกันแก้ปัญหาหนี้สินครูที่เป็นสมาชิก สกสค.และสหกรณ์ เราไม่ได้หมายถึงว่าเราต้องการทำเพื่อให้ครูความสุข ครอบครัวครูอยู่ได้เท่านั้น แต่เราทำเพื่อให้ครูมีความสุข มีความมั่นคง จะส่งผลให้ครูที่อยู่ในโรงเรียนมีความสุข ส่งผลถึงเด็ก ส่งผลถึงสอนหนังสือก็มีประสิทธิภาพขึ้น เราหวังว่าคุณภาพชีวิตครูจะส่งผลถึงคุณภาพของเด็กด้วย
… ปัจจุบันครูที่เป็นหนี้ทั่วประเทศทุกสังกัด ประมาณ 5 แสนคน มีหนี้รวมประมาณ 3 แสนล้าน แต่ สกสค.แก้ให้ทั้งหมดไม่ได้ เราจะช่วยเหลือครูอยู่ในภาวะวิกฤติก่อน ครูที่กำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย กำลังจะถูกยึดทรัพย์ บังคับคดี เราจะเริ่มต้นจากครูกลุ่มนี้ ที่มีหนี้หลายทางมาร่วมที่เดียว ซึ่งผู้บังคับบัญชาของครูและครอบครัว ต้องมาทำความร่วมมือตกลงร่วมกันด้วย ทุกคนต้องช่วยกันเพื่อให้ครูมีวิถีชีวิตที่พอเพียงเรียบง่าย
โครงการนี้จะทำให้ลดภาระให้แก่ครูในขั้นวิกฤตได้ เพราะดอกเบี้ยต่ำ ไม่เกินร้อยละ 3.5 ซึ่งจะทำให้ครูมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น ในช่วงแรกจะเริ่มต้นประมาณ 1,000 คนทั่วประเทศ และจะเพิ่มขึ้นต่อไป…หากเราทำได้อย่างมั่นคง สถาบันการเงินอื่นเห็นความเข้มแข็งของ สกสค.ก็จะร่วมมือกันเราได้ในอนาคต นอกจากนี้ ชีวิตครูที่เราต้องช่วยกันดูแล เราจะช่วยกันในการพัฒนาทั้งวิชาชีพครู ทั้งการหารายได้เพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นภายใต้โครงการนี้ทั้งหมด”
ดร.พิษณุ กล่าวและว่า สำหรับการจัดสวัสดิการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินและพัฒนาคุณภาพชีวิต ของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา คาดว่าภายในเดือน พ.ค.60 นี้ จะสามารถอนุมัติการจัดสวัสดิการเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินและพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ (รายบุคคล) ของกลุ่มนำร่องฯ ได้ ส่วนจังหวัดอื่น ๆ สกสค.จะดำเนินความร่วมมือ (MOU ) กับประธานกรรมการสหกรณ์ครู ตามภูมิภาคต่างๆ ตามความพร้อมและตามลำดับต่อไป
———————
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ