“ครูทอช บันดาว” วัย 40 ปี รูปร่างเล็กบอบบางแต่ตรากตรำงานไม่ย่อท้อ เธอเป็นครูสอนภาษากัมพูชา ระดับประถมศึกษา Wat-Bo Primary School ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา โรงเรียนแห่งนี้จัดเป็นโรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ มีเด็กนักเรียนกว่า 6,000 คน ส่วนครูสอนหนังสือมีประมาณ 117 คน เธอใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับโรงเรียนแห่งนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว
คณะตัวแทนมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี นำโดย ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) และองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asian Ministers of Education Organization)หรือเรียกโดยย่อว่าซีมีโอ (SEAMEO) ได้มีโอกาสเยี่ยมเยียน “ครูทอช” และพบว่าแม้ตลอดชีวิตการเป็นครู เธอจะได้รับรางวัลมากมาย แต่สำหรับครูทอช กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนการทำงานของเธอที่มีต่อเด็ก
ครูทอช ที่เชี่ยวชาญการสอนภาษากัมพูชาอย่างแตกฉาน มักเน้นหลักการเรียนการสอนโดยใช้นักเรียนเป็นศูนย์กลางผ่านเทคนิคสร้างแรงจูงใจให้กับผู้เรียน และให้นักเรียนแสดงออกอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับนักเรียนที่เรียนรู้ช้า หรือเด็กพิเศษ โดยเธอพยายามผลิตสื่อและสร้างเครื่องมือช่วยสอน จนทำให้เธอได้รับรางวัลชนะเลิศครูที่มีความโดดเด่นในระดับชาติ
การค้นคว้าพัฒนาการสอนจนมีความแตกฉาน ทั้งในเรื่องเนื้อหาและการจัดกระบวนการการเรียนรู้ในส่วนที่รับผิดชอบของครูทอช โดยไม่ยอมแพ้กับสภาพแวดล้อมรอบตัว ทำให้การเรียนการสอนของเธอประสบความสำเร็จเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคน และกว่าครูทอช จะผ่านการคัดเลือกเป็นผู้เหมาะสมให้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ทางกัมพูชาเองก็ใช้วิธีการคัดเลือกจากครูที่ได้รางวัลในประเทศกัมพูชามาก่อนในระดับหนึ่ง แล้วมาคัดให้เหลือไม่เพียงกี่คนจนจะมาคัดเลือกในระดับประเทศอีกครั้ง
ผศ.ดร.ชวิน จันทรเสนาวงศ์ กรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เล่าถึงกระบวนการคัดเลือกในกัมพูชาให้ฟังและย้ำว่า “ผมเชื่อว่ารางวัลต่างๆ ที่เธอได้รับนี้ไม่ได้เปลี่ยนชีวิต หรือรูปแบบการทำงานของครูทอช เลยเพราะครูทอช ทำแบบนี้มากว่า 20 ปี โดยมีคุณพ่อ ผู้มีอาชีพครูเป็นแรงผลักดัน ครูทอช ยังบอกด้วยว่าที่เธอประสบความสำเร็จได้ทุกวันนี้ก็เพราะเธอได้รับโอกาสจากครู“
รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีประเทศกัมพูชา ประจำปี 2558 แม้จะเป็นรางวัลสูงสุดในวิชาชีพและชีวิตความเป็นครู แต่กลับไม่ได้ทำให้ “ครูทอช” เปลี่ยนไป
“ดิฉันยอมรับว่ารางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ที่ได้รับนั้นทำให้เกิดแรงกระตุ้นเตือนใจดิฉันว่า ต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมอีกหลายร้อยเท่า และต้องพัฒนาต่อยอดการศึกษาต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด Wat-Bo Primary School ที่ดิฉันดูแล อาจจะเป็นโรงเรียนในเมืองที่ดูไม่ลำบากนัก แต่ความเป็นจริงโรงเรียนในกัมพูชาส่วนใหญ่ยังขาดแคลนในเรื่องกายภาพ ทุนทรัพย์ อาคารแต่ละหลังยังต้องรับการบริจาคเพื่อสร้างต่อเติมให้สมบูรณ์ รวมถึงการสนับสนุนทุนอาหารกลางวันที่ยังไม่เพียงพอ
…ดิฉันจึงสัญญากับตัวเองว่า จะเป็นครูจนกระทั่งปลดเกษียณ ถึงแม้ว่าจะปลดเกษียณ ดิฉันก็เต็มใจช่วยเหลือและแบ่งปันประสบการณ์ไปยังคนรุ่นใหม่ ดิฉันสัญญาว่าจะพยายามให้ดีที่สุด เพื่อพัฒนาความรู้ในด้านภาษาต่างประเทศ ICT และด้านอื่นๆให้มากขึ้น”ครูทอช ให้คำมั่น
“อาชีพครู…มอบโอกาส ให้ทุกสิ่งในชีวิตของฉัน”
ครูทอช เคยได้กล่าวไว้เมื่อครั้งงานวันครูโลกประจำปี 2559 ด้วยความรู้สึกลึกๆ ของเธอกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดในฐานะครูคนหนึ่ง สิ่งที่เธอหวังที่สุดของในวิชาชีพครู คือการเห็นลูกศิษย์ทุกคนประสบความสำเร็จจากน้ำพักน้ำแรมที่เธอทุ่มเทลงไปกับการสอนทุกเสี้ยววินาที ด้วยเพราะเธอไม่มีครอบครัว ทำให้ไม่มีภาระสำคัญอะไรที่ต้องทำให้พะวง ที่สุดแล้วเธอเลือกจะมอบความรู้ความโอบอ้อมอารี เพื่อการศึกษาอย่างจริงจังตามความตั้งใจของตัวเอง
สำหรับคุณครูที่สนใจเรื่องราวของครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี จาก 11 ชาติ สามารถคลิกติดต่อได้ที่ www.PMCA.or.th
——————-
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ