มีมติให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ กศจ., อกศจ., ศธภ.และ ศธจ.ทำงานต่อเนื่อง คาดได้ตัวจริงต้น พ.ค.
ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ นั้น คำสั่งดังกล่าวเป็นผลมาจากการดำเนินการปฏิรูปการศึกษาตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมาซึ่งเดินมาถูกทางแล้ว จึงได้มีคำสั่งฉบับที่ 19/2560 ศธ. 4 ฉบับเดิม เหลือเพียงฉบับเดียวและเพิ่มเติมบางประเด็นเพื่อให้การดำเนินการปฏิรูปการศึกษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปลัด ศธ. กล่าวต่อไปว่า ตามคำสั่งของ คสช.ฉบับนี้ที่ปรับเปลี่ยน คือ ปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษาของ ศธ.ในภูมิภาค (คปภ.) ให้เพิ่มประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการ และให้อำนาจ คปภ.เรื่องการโอนกิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน และงบประมาณ รวมถึงเกลี่ยบุคลากร เพื่อให้สามารถตั้งสำนักงานศึกษาธิการภาค (ศธภ.) และสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ได้ รวมถึงการปรับสัดส่วนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) จาก 22 คน เหลือ 15 คน โดยให้มีผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน6คน อย่างน้อย3คน ต้องเป็นผู้แทนภาคเอกชน องค์กรวิชาชีพ และภาคประชาชน
“สาระสำคัญของคำสั่งฉบับที่ 19/2560คือเรื่องอำนาจหน้าที่ ศธจ.จะมีความชัดเจนในเชิงการเป็นผู้แทนของ ศธ.ในระดับจังหวัด ที่ดูแลงานทุกด้าน โดยเฉพาะการบริหารงานบุคคลทั้งครูและผู้บริหารสถานศึกษา ที่ต่อไป ศธจ. จะมีอำนาจลงนามตามมติ กศจ.ที่เสนอโดย ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ซึ่ง ศธจ.ไม่ได้มีอำนาจในการสั่งย้ายใคร และจากคำสั่งฉบับดังกล่าว ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีการกำหนดกรอบอัตรากำลังผู้ปฏิบัติงานในสำนักงาน ศธจ. และให้เกลี่ยอัตรากำลังจาก 225 สพท.ทั่วประเทศไปให้ ศธจ. โดยย้ำว่าให้เป็นไปด้วยความสมัครใจและต้องไม่กระทบกับการทำงานของ สพท. และ ศธจ.ก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้”
ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าวและว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบหลักเกณฑ์การสรรหาผู้ดำรงตำแหน่ง ศธจ./รองศธจ. โดยวิธีการสรรหาจะเหมือนกับการสรรหา ผอ.สพท. และคาดว่าจะได้ตัวจริงทั้งหมดในราวต้นเดือน พ.ค.60 นี้ และที่ประชุม คปภ.ชุดใหม่ มีมติให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ กศจ., อกศจ., ศธภ.และ ศธจ.ปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้การทำงานในช่วงรอยต่อไม่สะดุด
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ