สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเปิดงาน อกท.ครั้งที่ 38 ทรงแนะเทคโนโลยีเกษตรก้าวหน้า แต่ยังต้องพึ่งพาทรัพยากรหลักอย่างดินและน้ำ ควรศึกษาให้ถ่องแท้และหาวิธีทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป ทรงชื่นชมเด็กอาชีวะเกษตรตั้งใจเรียน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ แนะ สอศ.หาทางเพิ่มผู้เรียนด้านเกษตร จบแล้วต้องมีงานทำ ขณะเดียวกันให้หาทางจูงใจคนมาเป็นครูด้วย
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ก.พ.2560 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเปิดการประชุมวิชาการระดับชาติองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย(อกท.) ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี(อกท.) ครั้งที่ 38 ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุทัยธานี โดยมี พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ, ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) พร้อมด้วยผู้บริหาร คณะครู นักเรียน นักศึกษาอาชีวศึกษา และประชาชนเฝ้าฯ รับเสด็จ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำรัสในการเปิดการประชุม ว่า…การประชุมลักษณะนี้นับว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก ในทางส่งเสริมและพัฒนาการศึกษา วิชาที่ว่าด้วยการเกษตรในสถานศึกษาด้านเกษตรกรรมของประเทศ เกษตรกรรมเป็นกิจกรรมเพื่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่มีมาแต่ครั้งโบราณ และมีวิวัฒนาการเรื่อยมาเป็นลำดับ ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
…ในปัจจุบันเทคโนโลยีการเกษตรเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่ง แต่กระนั้นการเกษตรยังคงต้องพึ่งพาทรัพยากรสำคัญ ได้แก่ ดินและน้ำ เช่นเคยเป็นมา นักศึกษาทั้งหลายที่จะเป็นเกษตรกรแห่งอนาคต จึงควรต้องศึกษาและทำความเข้าใจธรรมชาติของทรัพยากร 2 สิ่งนี้ให้มีความรู้ถ่องแท้และศึกษาค้นคว้า ทดลองหาวิธีทำการเกษตรที่เหมาะสม อย่างที่สมัยนี้เรียกว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คือไม่ทำความเสียหายแก่ทรัพยากร หรือเมื่อทรัพยากรเสื่อมโทรมลงก็ต้องเรียนรู้วิธีอนุรักษ์เพื่อให้เกิดความยั่งยืน สามารถใช้ประโยชน์สืบต่อไปได้อีกหลายชั่วอายุคน…
พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากสมเด็จพระเทพฯ ได้เสด็จเยี่ยมนิทรรศการและนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ของนักศึกษา พระองค์ท่านทรงชื่นชมนักศึกษาที่มีความตั้งใจ และสร้างสรรค์ผลงานจนเป็นที่ประจักษ์ และทรงเน้นให้เด็กหันมาสนใจเรียนด้านการเกษตรให้มากขึ้น เพื่อจะได้ช่วยพัฒนางานด้านการเกษตร ซึ่งจะเป็นการพัฒนาประเทศได้ด้วย เพราะอาชีพเกษตรเป็นอาชีพที่สำคัญของคนไทย รวมถึงจะต้องสอนให้เด็กเรียนแล้วสามารถประกอบอาชีพและมีรายได้ด้วย ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะน้อมนำพระราชดำรัสมาพัฒนาการจัดการเรียนการสอนด้านเกษตร ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ด้าน ดร.สุเทพ กล่าวว่า สมเด็จพระเทพฯ ทรงเน้นให้ผู้เรียน เรียนจบแล้วมีอาชีพที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ และหาทางส่งเสริมให้เด็กหันมาเรียนด้านการเกษตรให้มากขึ้น เพราะประเทศไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมการเกษตร
อย่างไรก็ตาม พระองค์ท่านทรงทราบถึงปัญหาการขาดแคลนครูอาชีวศึกษา ทรงมีพระราชดำรัสว่าจะมีวิธีการอย่างไรที่จะให้คนมาสนใจเป็นครูอาชีวศึกษาเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันคุรุสภาก็ควรไปดูเรื่องใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูว่าจะสามารถยกเว้นให้กับคนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะศาสตร์ได้หรือไม่ รวมถึงทรงให้คำแนะนำกับวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีให้สอนการทำไม้ดัดหรือไม้แคระ เพราะทุกวันนี้มีคนทำได้ไม่มากนัก รวมถึงต้องการให้สอนอาชีพคนพิการด้วย นอกจากนี้ยังขอให้ดูเรื่องสารตกค้างในผลผลิตทางการเกษตรด้วย
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ