นพ.ธีระเกียรติ มอบนโยบาย ผอ.เขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ สืบสานพระราชปณิธานและพระราชดำริ ร.9 และ ร.10 พร้อมนำยุทธศาสตร์ชาติเป็นตัวตั้ง ปลูกฝังเด็กรุ่นใหม่เกลียดการโกง จ่อลดขั้นตอนประเมินขอมี-เลื่อนวิทยฐานะครู เน้นครูขยันสอนดีมีรางวัล มอบทุกเขตพ้นที่ฯ สำรวจ รร.ไอซียู นำร่อง 3,000 แห่งพัฒนาให้คุณภาพเป็นเลิศ
ที่โรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.59 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งในการประชุม ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ว่า นโยบายของ ศธ.ในยุคนี้จะสืบสานพระราชปณิธานและพระราชดำริ ด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และพระบรมราโชบายด้านการศึกษา ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 รวมทั้งทำงานตามยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ซึ่งมี 6 ยุทธศาสตร์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเคยมีพระราชหัตถเลขาด้านการศึกษาเรื่องครู ว่าปัญหาหนึ่งคือการขาดครู เพราะจำนวนไม่พอและครูย้ายบ่อย ดังนั้นควรเป็นครูท้องที่ เพื่อจะได้มีความผูกพันและคิดที่จะพัฒนาท้องถิ่นที่เกิดของตนไม่คิดย้ายไปย้ายมา ซึ่ง ศธ.จะมาคิดระบบว่าทำอย่างไรครูถึงไม่ย้ายออกจากพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมามีงานวิจัยว่าสิ่งที่ทำลายเด็กมากที่สุดอันดับแรก คือ การย้ายของครูและเด็ก อันดับที่ 2 ในอดีตคือการปล่อยให้ดูโทรทัศน์ แต่ปัจจุบันกลายเป็นเรื่องของการใช้โซเชียลมีเดีย
“ต่อไปนี้การคิดโครงการต่างๆ ขอให้ สพท. เอายุทธศาสตร์ชาติเป็นตัวตั้ง เรามีนโยบายสร้างเด็กให้มีวินัย จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาอุปนิสัย ซึ่ง สพท.จะต้องไปคิดว่าทำอย่างไร จะปลูกฝังให้เด็กเกลียดการโกง ตั้งแต่เล็กๆ ไม่ใช่แค่โตไปไม่โกง ส่วนเรื่องความก้าวหน้าของครูนั้น จะมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใหม่ เช่น ลดขั้นตอนการประเมิน ซึ่งปัจจุบันจะเสียเงินจ้างผู้ประเมินจำนวนมากพอๆ กับค่าวิทยฐานะ ก็จะเปลี่ยนมาใช้สิ่งที่มีอยู่แล้ว อาทิ กำหนดจำนวนชั่วโมงขั้นพื้นฐานที่ครูสอน ซึ่งครูคนไหนขยันสอนเกินชั่วโมงขั้นต่ำ ก็ควรได้รับรางวัลนับเป็นผลงาน ครูที่ไปช่วยครูคนอื่นสอน ก็สามารถนำมานับรวมเป็นผลงานได้ ส่วนเรื่องคุณภาพ นอกจากจะดูที่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กแล้ว จะดูเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น ครูไปอบรมพัฒนาหรือไม่ เป็นต้น สำหรับการประเมินคงสภาพวิทยฐานะ ตามมาตรา 55 ของพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 จะทำให้สอดคล้องกับการประเมินวิทยฐานะใหม่” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ในปี 2560 ศธ.จะดำเนินโครงการโรงเรียนไอซียู หรือ โรงเรียนที่ประสบปัญหาวิกฤติทางการศึกษา เพื่อยกระดับโรงเรียนเหล่านี้ให้มีคุณภาพ และดูแลตัวเองได้ โดยเริ่ม 3,000 โรงเรียนก่อน ดังนั้น จึงขอให้ สพท.ไปคัดเลือกโรงเรียนไอซียูที่อยู่ในพื้นที่ โดยวินิจฉัยว่าโรงเรียนดังกล่าวมีปัญหาอะไรบ้าง จากนั้นนำมาวางแผนแก้ไขปัญหาร่วมกับสถานศึกษาและชุมชน ส่งเข้ามาให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พิจารณา หากได้รับการคัดเลือกเป็นโรงเรียนไอซียู จะมีการจัดงบประมาณ และอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไปสนับสนุน และให้พื้นที่ระดมสรรพกำลังแก้ไขปัญหาภายใน 1 ภาคเรียน หากแก้ไขได้ ผอ.สถานศึกษานั้นๆ จะมีผลงาน และได้รับการผลักดันให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น และโรงเรียนดังกล่าวนั้นจะหลุดออกจากการเป็นโรงเรียนไอซียู
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ