ชาวธรรมศาสตร์ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป พร้อมแปรอักษรภาพครั้งประวัติศาสตร์
วันที่ 28 ต.ค.59 ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระภัทรมหาราชา ผู้ทรงเป็นพลังแห่งแผ่นดิน ทรงอุทิศทุ่มเทปฏิบัติพระราชภารกิจอันบริบูรณ์พร้อมตามแนวทางแห่งทศพิธราชธรรม ทรงนำพาประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าทรงเอาพระราชหฤทัยใส่บำบัดทุกข์บำรุงสุขของพสกนิกรใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารล้วนอยู่เย็นเป็นสุขด้วยพระบารมี โครงการในพระราชดำริ กว่า 4,000 โครงการแสดงความเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนา ผู้มีพระปรีชาญาณลึกซึ้ง มีพระวิสัยทัศน์กว้างไกล ทรงเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาคน ให้ดำรงตนด้วยความพากเพียร ความพอเพียงรู้รักสามัคคี เสียสละรู้จักใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหา จึงทรงมุ่งมั่นส่งเสริมการศึกษาทุกระดับชั้น
ทั้งนี้ สำหรับประชาคมธรรมศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น นานัปการ อาทิ ทรงปลูกต้นหางนกยูง และพระราชทานให้เป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย พระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์ยูงทอง ทรงพระเมตตาเสด็จฯ เยี่ยม “ธรรมศาสตร์” เป็นการส่วนพระองค์ถึง 12 ครั้ง รวมถึงเสด็จฯ มาทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง อาทิ เสด็จฯ มาทอดพระเนตรโขนธรรมศาสตร์ เสด็จฯ มาพระราชทานปริญญาบัตร ให้แก่บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษา เป็นเวลา 48 ปี อีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนภูมิพล และทุนอานันทมหิดล แก่บัณฑิตธรรมศาสตร์ และทรงรับการทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จำนวน 15 สาขา นอกจากนี้ ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินทุนเริ่มแรกสำหรับสร้างหอสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวเสริมว่า สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับสมาคมธรรมศาสตร์ ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และทรงเป็นประธานเปิดอาคารที่ทำการสมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2523 และทรงปลูกต้นยูงทอง ณ หน้าอาคารสมาคมฯ นับเป็นมงคลยิ่งแก่ชาวธรรมศาสตร์ ซึ่งสร้างความปีติซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเสมอมา
นอกเหนือจากพระเมตตาและพระราชกรณียกิจดังกล่าว พระองค์ท่านยังทรงสนับสนุนการจัดกิจกรรมงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ด้วยการทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถ้วยรางวัล และได้เสด็จฯ มาทรงเป็นประธาน และพระราชทานถ้วยรางวัลอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2495 แต่หากในปีใดที่มิได้เสด็จฯ มาพระราชทานด้วยพระองค์เอง ก็มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์มาเป็นประธาน นับเป็นมิ่งขวัญแก่นักกีฬา นิสิตนักศึกษาและบุคลากรของทั้งสองสถาบัน ที่ประทับมั่นในความทรงจำมิรู้คลาย
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มธ.ได้ร่วมกับสมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประชาคมธรรมศาสตร์ น้อมจัดงาน “ชาวธรรมศาสตร์ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป” ผ่านกิจกรรมที่ปวงชนชาวไทยและประชาคมธรรมศาสตร์รวมพลังใจถวาย อันประกอบด้วย
การอ่านบทกวี และคำแสดงความอาลัย โดยอธิการบดี มธ. นายกสมาคมธรรมศาสตร์ฯ และ ดร.อภิชาติ ดำดี ศิษย์เก่าคณะเศรษฐศาสตร์ การบรรเลงบทดนตรี เพื่อน้อมรำลึกและถวายอาลัย ในบทเพลงพระราชนิพนธ์ “ยูงทอง” เพลงประจำสถาบัน และเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยชุมนุมดนตรีไทย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การแปรอักษรครั้งประวัติศาสตร์ ชุด “ทรงเป็นดวงธรรมนำทางให้” การร่วมแปรอักษรพระบรมฉายาลักษณ์ และเรื่องราวพระราชกรณียกิจตลอด 70 ปี ที่ทรงครองราชย์ของ “พ่อหลวง” พ่อผู้เป็นดั่งดวงธรรมนำทางให้ประชาชนชาวไทย ทั้งปวงมีวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผ่านการเรียงร้อยเรื่องราวด้วยภาพแปรอักษรอย่างสมพระเกียรติ โดยชาวธรรมศาสตร์กว่า 2,000 คน
อนึ่ง แนวคิดหลักของการแปรอักษรชุด “ทรงเป็นดวงธรรมนำทางให้” เน้นการน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผ่านการเล่าเรื่องราว พระราชกรณียกิจ และพระราชดำรัสของพระองค์ ที่ได้พระราชทานให้แก่คนไทย ซึ่งชุมนุมเชียร์ธรรมศาสตร์ จะนำเสนอผ่านวิธีการที่มิใช่เพียงการแปรออกมาเป็นตัวอักษร หรือรูปภาพขึ้นมาตรงๆ เท่านั้น แต่จะเป็นการเล่าเรื่องราวให้เกิดความประทับใจ และการเข้าถึงความหมายที่ผู้แปรอักษร ต้องการจะสื่อออกมาให้เกิดแก่ผู้รับชมได้อย่างแท้จริง ด้วยมุ่งหวังให้สังคมไทยได้เกิดการฉุกคิด ถึงสิ่งที่พ่อหลวงต้องการจะถ่ายทอดถึงปวงประชาราษฎร์โดยการแปรอักษรดังกล่าว จะใช้เวลาทั้งสิ้น 30 นาที ผ่านการแปรอักษร ใน 3 ส่วนเนื้อหา อันได้แก่
“วันวาน” การนำเสนอภาพพระราชกรณียกิจของพ่อหลวงที่ทรงงานมาตลอด 70 ปี
“วันนี้” การถ่ายทอดทุกความรู้สึกสุดอาลัยของประชาชนที่มีต่อพ่อหลวง
และ “วันพรุ่งนี้” การถ่าย ทอดความตั้งใจชาวธรรมศาสตร์ที่จะร่วมสืบสานพระราชปณิธานของพ่อหลวงอย่างสุดหัวใจ
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ