“ดาว์พงษ์” เสียใจเหตุครูปาแก้วใส่ นร.จนได้รับบาดเจ็บใบหน้าเบี้ยว ถือเป็นการกระทำด้วยโทสะ ชี้คนเป็นครูต้องอดทนควบคุมอารมณ์ให้มาก ฝากเป็นตัวอย่างให้ ผอ.เขตพื้นที่ฯ-ผอ.โรงเรียน ต้องดูแลเอาใจใส่”ครู”อาจมีปัญหา/แรงกดดัน ด้าน สพฐ.+คุรุสภา เร่งสอบข้อเท็จจริง ชี้เบื้องต้นผิดจรรยาบรรณครู เหตุใช้ความรุนแรง
จากกรณีนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กขอความเป็นธรรม เนื่องจากถูกครูประจำวิชาพลศึกษา ปาแก้วกาแฟใส่ โดนบริเวณกกหูซ้าย ทำให้กล้ามเนื้อบวมทับเส้นประสาทคู่ที่ 7 ส่งผลให้ปากเบี้ยวและใบหน้าผิดรูป โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.59 โดยตลอด 1 เดือนทางครอบครัวได้นำตัวเข้ารับการรักษาแต่ยังไม่ดีขึ้น และจะต้องเข้ารับการผ่าตัดซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 3-4แสนบาท เบื้องต้นครอบครัวได้ประสานกับทางโรงเรียน ซึ่งได้ช่วยค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น และได้พูดคุยกับครูพละ คนดังกล่าว เสนอจะให้เงินเพียง 8 หมื่นบาท ซึ่งไม่พอกับค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด พร้อมทั้งระบุว่าหากต้องการมากกว่านี้ให้ไปฟ้องร้องเองนั้น อย่างไรก็ตาม ผอ.โรงเรียน ดังกล่าวได้ออกมายอมรับว่า มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่เรื่องที่ปรากฏมีทั้งจริงและไม่จริง พร้อมระบุว่าแก้วกาแฟเป็นแก้วพลาสติก และครูเจตนาจะปาใส่ผนังห้อง แต่กระเด็นมาโดนใบหน้าเด็ก พร้อมยืนยันโรงเรียนไม่ได้นิ่งเฉย และติดตามสอบถามอาการเด็กโดยตลอด
โดยความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ก.ย.59 พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเบื้องต้นทางวาจา จากนายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) แล้ว โดยครูคนดังกล่าว ยอมรับว่าทำจริง ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ลุด้วยโทสะ ซึ่งคนเป็นครูควรควบคุมอารมณ์ได้มากกว่าปกติ ทั้งนี้ ตนก็เห็นใจครู เพราะต้องพบเจอและรับมือกับเด็กที่มีลักษณะหลากหลาย แต่ในเมื่อเรามีอาชีพนี้ก็ต้องอดทน ไม่ว่าเด็กจะทำอะไรก็เป็นไปตามวัย คนเป็นครูต้องหาวิธีการดูแล หรือลงโทษที่เหมาะสม แม้ครูจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็เกิดอุบัติเหตุจนเด็กได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม การรักษาพยาบาล ทราบว่าทางโรงเรียนและครู กำลังต่อรองกับครอบครัวของเด็ก และจากนี้ ผู้ที่มีหน้าที่ก็ต้องลงไปสอบสวน และรายงานผลมาเป็นลำดับชั้น
“สิ่งที่ครูทำถือว่าผิด แต่ผมก็เข้าใจทั้ง2ฝ่าย เข้าใจครู ต้องอดทนรับแรงกดดันหลายเรื่อง แต่เมื่อเป็นครู จะทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ผมไม่อยากให้ไปอ้างอดีตว่าสอนยังไงลงโทษยังไง เพราะตอนนี้เป็นคนละสมัยแล้ว ตัวเด็กเองมีเหตุมีผลมากขึ้น ถ้าเราไม่ฝึกให้ลูกศิษย์มีเหตุมีผล ต่อไปสมองเขาก็ไม่รู้จักคิดวิเคราะห์ ทั้งที่เป็นเรื่องที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พยายามส่งเสริม ฝากไปถึง ผอ.เขตพื้นที่ฯ ผอ.โรงเรียน ซึ่งผมก็ฝากความหวังไว้กับทุกท่านว่าต้องหันไปดูแลครู ที่อยู่ในการดูแลด้วย ต้องรู้จักนิสัยใจคอของเขา ดูว่าเขามีปัญหาอึดอัดอะไร อย่าปล่อยปละจนเกิดเหตุแบบนี้ ซึ่งผมเสียใจในเรื่องที่เกิดขึ้น ครูก็ต้องยอมรับสภาพและครูคนอื่นๆ ก็ควรดูเป็นตัวอย่างและต้องรู้จักอดทนกับเด็กๆ” พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าว
นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการ กพฐ.กล่าวว่า ตนเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวรุนแรง ทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บ ซึ่งได้ฝากให้ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 31 ลงไปดูแลการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงให้โรงเรียนชี้แจงด้วยว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 1 เดือนแล้ว ทำไมกระบวนการแก้ไขปัญหา ถึงมีความล่าช้า จนนักเรียนต้องออกมาร้องขอความเป็นธรรม และขอให้รายงานข้อมูลมายังตนโดยเร็วที่สุด
ด้าน ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัด ศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า คุรุสภาได้มอบให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ลงไปตรวจสอบกรณีดังกล่าว ซึ่งในแง่ของจรรยาบรรณถือว่าผิด และต้องดูว่าเป็นการกระทำที่บันดาลโทสะหรือไม่ ซึ่งต้องรอผลสรุปข้อเท็จจริงก่อน
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ