21 ก.ย. นี้ จะครบรอบ 25 ปี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
จากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ผลิตนักดนตรีคุณภาพที่มากด้วยความคิดสร้างสรรค์และความสามารถไปประดับวงการ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และนำกิจกรรมดนตรีที่ดีมีคุณภาพสู่สังคมมากมาย
วิทยาลัยดนตรี มีฐานะเทียบเท่าคณะหนึ่งในกำกับของมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดสอนวิชาดนตรีโดยเฉพาะ ตั้งแต่ระดับเตรียมอุดมดนตรี (ม.4 – ม.6) จนถึงปริญญาเอก โดยเป็นสถาบันเดียวในประเทศที่เปิดสอนวิชาดนตรีระดับปริญญาเอก มีอาจารย์ที่ชำนาญในเครื่องดนตรีแต่ละชนิดโดยเฉพาะ
ทั้งเป็นสถาบันเดียวที่เปิดสอนทั้งแนวเพลงไทย และสากล เป็นวิทยาลัยชั้นนำด้านดนตรีของประเทศ หลายคนรู้จักที่นี่ดีจากภาพยนตร์ “Seasons Change” ที่ออกฉายเมื่อปี 2549 บอกเล่าเรื่องราวและชีวิตนักเรียนที่นี่
ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าว่า ดำรงตำแหน่งคณบดี สืบต่อจาก รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข ผู้ก่อตั้งวิทยาลัย ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.60 ซึ่งการที่มารับงานต่อจากอ.สุกรีเป็นเรื่องยากมาก เพราะท่านได้ทุ่มเททั้งชีวิตสร้างงานที่นี่ขึ้นมา และเป็นบุคคลที่น่าชื่นชมมาก
เพราะในการที่จะสร้างวิทยาลัยให้ดีในระดับนี้ได้ ต้องใช้ passion อย่างสูงจริงๆ สิ่งที่คาดหวัง คือ จะทำอย่างไรให้วิทยาลัยอยู่ได้ด้วยตัวเองในระยะยาว จึงพยายามปรับองค์กรให้มีระบบมากขึ้น คล่องตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ ได้พยายาม decentralize ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมตัดสินใจ เปิดโอกาสให้ได้แสดงความคิดเห็น แล้วรับความคิดเห็นนั้นมาปรับใช้กับองค์กร โดยหวังจะช่วยให้ทุกคนรักองค์กรมากขึ้น ผูกพันกับองค์กรมากขึ้น
นอกจากนี้ จะดู feedback จาก stakeholder อื่นๆ มาลองปรับดูด้วยว่ามีอะไรที่จะช่วยในการปรับตัวได้ในอนาคต
ดร.ณรงค์ เล่าต่อไปว่า เปลายปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเข้าพบ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และได้ปรึกษาเรื่อง “กองทุนเปรมดนตรี” ว่า วิทยาลัยมีกองทุน แต่วิธีใช้เงินกองทุนยังไม่ค่อยชัดเจน โดยจะเอามาทำเป็นกองทุนที่อยู่กับวิทยาลัยไปเรื่อยๆ โดยไม่สามารถถอนเงินต้นออกมาได้ จะมีการใช้เพียงดอกผลกองทุนเท่านั้นในการนำมาจ่ายเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนนักศึกษา ไม่ทราบว่าท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไร ซึ่งท่านได้อนุมัติให้ดำเนินการ
เราจึงได้มีเอกสารที่เป็นจุดเริ่มต้นจัดตั้ง “กองทุนเปรมดนตรี” ขึ้นมา ตอนนี้เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายคือผ่านสภามหาวิทยาลัย แล้วกองทุนนี้จะสมบูรณ์ ในอนาคตเราอาจจะนำเงินไปลงทุนในแพคเกจที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นมาเพื่อให้ได้ดอกผลที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้มีเงินกลับมาเป็นทุนการศึกษาของนักเรียนนักศึกษาได้มากขึ้น และในโอกาสครบรอบ 25 ปีวิทยาลัย จะจัดคอนเสิร์ตเพื่อ fund raising เข้ากองทุนดังกล่าวด้วย
“การเดินทาง 25 ปีของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นการเดินทางที่เจริญเติบโตงอกงามได้อย่างรวดเร็วมาก ตอนนี้เราพยายามดูแลต้นไม้ที่กำลังโตไว ให้มีรากที่แข็งแรงสมบูรณ์มากขึ้น ไม่มีอะไรที่จะมีคุณค่าไปกว่า การร่วมแรงร่วมใจกันของชาววิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล ทั้งศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน
คิดว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนกำลังจับตามอง เราเป็นนักดนตรี เราควรจะต้องรับใช้สังคมด้วยเสียงดนตรี เพราะฉะนั้นทำอย่างไรที่เราจะใช้เสียงดนตรีเพื่อให้สังคมมีสุขภาวะที่ดีขึ้น” ดร.ณรงค์ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ งานเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี จากศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะจัดในเดือนก.ย.นี้ ติดตามได้ที่ FB: College of Music, Mahidol University
“ฐิติรัตน์ เดชพรหม”
** อ่านต้นฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ