วันพุธ ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564, 12.44 น.
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ เฟสบุ๊คเพจ ที่ชื่อ ” อีซ้อขยี้ข่าว ” ได้ลงข้อความว่า “น้องข้าวห้าง 6 ขวบหายตัวลึกลับขณะอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดพะเยา ฯลฯ “จนทำให้มีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์และแชร์ข้อความนี้เป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวได้ติดตามน.ส.ชัญญาภัค แซ่ลี้ หรือ น้องฟ้า อายุ 35 อยู่บ้านเลข 350 ม.1 ต.นาปรัง อ.ปง จ.พะเยา ซึ่งเป็นแม่ของน้องข้าวฟ้าง ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมพี่สมพรได้โทรโทรศัพท์และร้องไห้โดยแจ้งว่า ให้ตนกลับมาบ้านได้ไหมเนื่องจากว่าครูที่โรงเรียนได้นำตัวน้องข้าวฟ้าง ไปไว้ที่บ้านพักเด็ก ซึ่งพี่สมพรอยากให้ตนรีบเดินทางกลับมาเพื่อมารับตัวน้องกลับ ในตอนนั้นตนรู้สึกงงมากว่าสาเหตุอะไรครูถึงได้พาตัวข้าวฟ้างไปไว้ที่บ้านพักเด็ก โดยที่ไม่ยอมมาบอกผู้ปกครองซึ่งพี่สมพรเป็นคนเลี้ยงข้าวฟ้างมาตั้งแต่เกิด ดูแลช่วยเหลือทุกอย่างถึงพี่สมพรจะไม่ใช่พี่สาวแท้ๆของตนแต่เราก็อยู่ด้วยกันมานานและพี่สมพรก็เลี้ยงน้องข้าวฟ่างมาโดยตลอดแต่ครูกลับไม่ยอมบอกเรื่องราวที่จะนำน้องข้าวฟ้างไปไว้ที่บ้านพักเด็กทั้งที่น้องข้าวฟ้าง ก็ไม่ใช่เด็กกำพร้า
ซึ่งในตอนนั้นตนทำงานอยู่ จังหวัดยะลา ยังไม่สามารถเดินทางกลับมาจังหวัดพะเยาได้เพราะติดโควิด-19 ต้นจึงได้โทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลต่างๆจากพี่สมพรจึงทราบว่า พี่สมพรได้พยายามเดินทางไปติดต่อขอรับน้องข้าวฟ้างคืนมาโดยตลอด แต่ถูกกีดกันด้วยสาเหตุที่ว่าพี่สมพรไม่ใช่ผู้ปกครองของเด็ก และหน่วยงานต่างๆได้แจ้งกับพี่สมพรว่า ถ้าเด็กมีพ่อมีแม่จริงก็ให้ผู้ปกครองตัวจริงทำหนังสือรับรองและมอบอำนาจว่าได้ให้พี่สมพรเป็นผู้ปกครองผู้เลี้ยงดูและนำหนังสือไปยื่นต่อนายอำเภอเพื่อให้นายอำเภอได้เซ็นรับทราบเพื่อจะเอาหนังสือดังกล่าวไปยื่นขอรับตัวน้องข้าวฟ้าง จากบ้านพักเด็กกลับมาที่บ้านเหมือนเดิม และตนยังได้ทราบข้อมูลอีกว่าครูประจำชั้นของน้องข้าวฟ้าง ที่ชื่อครูเปิ้ลได้พูดให้เด็กในโรงเรียนฟังว่าน้องข้าวฟ้างเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อมีแม่ จนทำให้เพื่อนในโรงเรียนล้อข้าวฟ้างว่า ” อีลูก ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ” จนทำให้น้องข้าวฟ้างไม่อยากไปโรงเรียน แถมเวลาไปเรียนน้องข้าวฟ้างยังถูกเพื่อนในโรงเรียนแกล้ง ทำลายอุปกรณ์การเรียน เช่น ฉีดสมุด ใช้ดินสอ ขีดเขียน สมุด กระเป๋า เสื้อผ้า และยังมีเพื่อ ทำร้ายร่างกาย ด้วยการบีบคอ บางคนก็ตบหน้า น้องข้าวฟ้าง เกือบทุกวัน ซึ่งเวลาน้องข้าวฟ้าง โดนทำร้าย น้องข้าวฟ้างก็จะนำเรื่องมาบอกกับ น้องบาส หรือ ด.ช. นครพิงค์ ดุสิตากร อายุ 9 ขวบ ลูกชายของลูกสาว พี่ สมพร คนที่เลี้ยงดูและเป็นเจ้าของบ้าน เพราะ ในบ้านจะมีเด็ก 2 คน คือ 1.น้องบาส อายุ 9 ขวบ และ 2. น้องข้าวฟ้าง อายุ 6 ขวบ
ซึ่งการให้ข้อมูลของน้องบาสถูกครูเปิ้ล สั่งห้ามพูดและให้เหตุผลว่าถ้าพูดไปแล้วอาจจะทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง ซึ่งเรื่องนี้จึงทำให้ตนรู้สึกสงสัยในพฤติกรรมของครูเปิ้ลเป็นอย่างมากและอยากจะถาม ครูเปิ้ลว่าเพราะเหตุใด จึงไปพูดว่าน้องข้าวฟ้างเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ แล้วเพราะเหตุใด ครูเปิ้ล และ ตำรวจ จึงนำตัวน้องข้าวฟ้างไปไว้บ้านพักเด็กโดยไม่แจ้งตนและไม่แจ้งกับพี่สมพรซึ่งเป็นคนที่เลี้ยงดูน้องข้าวฟ้างมาตั้งแต่เกิดเสียก่อนทั้งที่พี่สมพรก็แจ้งไปแล้วว่าเข้าฟ้างไม่ได้เป็นเด็กกำพร้า
นางสมพร ดุสิตากร อายุ 50 ปี ป้าผู้ที่เลี้ยงน้องข้าวฟ้างมาตั้งแต่เกิดได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านต้นสังเกตเห็นบริเวณลำคอของน้องข้าวฟ้าง ว่ามีลักษณะสีดำจึงถามน้องข้าวฟ้างไปโดนอะไรมาซึ่งน้องได้ตอบกลับมาว่าไม่เป็นอะไรแม่ชิวๆ ซึ่งลูกชายของตนที่ชื่อ น้องแซด ซึ่งเป็นคนที่คอยขับรถไปรับไปส่งน้องบาสและน้องข้าวฟ้างที่โรงเรียน ได้บอกกับตนว่าน้องข้าวฟ้างไม่ยอมอาบน้ำเพราะในช่วงนั้นอากาศที่ จ.พะเยา หนาวเย็น ตนจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก
และต่อมาในวันที่ 7 มกราคม ช่วงบ่าย ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่บ้านและมาแจ้งว่าตอนนี้ครูที่โรงเรียนได้พาน้องข้าวฟ้างไปตรวจร่างกาย เพราะบริเวณลำคอมีรอยเหมือนถูกทำร้าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาด้วยหนึ่งในนั้นได้แนะนำตัวเองว่าชื่อ ” สารวัตรบอย ” และยังบอกอีกว่าตนเพิ่งย้ายมาใหม่โดยมาขอเก็บเสื้อผ้าของน้องข้าวฟ้าง โดยบอกว่าตอนนี้น้องข้าวฟ้างอยู่ในที่ที่ดีและปลอดภัยแล้วซึ่งตอนนั้นตนก็รู้สึกตกใจและกลัวแต่เห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแจ้งจึงเก็บเสื้อผ้าไปและร้องไห้ด้วยความเสียใจ ซึ่งตนรู้สึกสงสัยว่ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นทำไมครูและตำรวจไม่ยอมมาถามตนก่อนเพราะตนก็เป็นคนดูแลและเลี้ยงดูน้องข้าวฟ้าง หลังจากนั้นตนจึงโทรตามลูกชายให้มารับเพื่อจะเดินทางไปที่โรงเรียนอนุบาลปง ซึ่งตอนนั้นตนตั้งใจจะไปหาครูเปิ้ลเพื่อจะสอบถามข้อมูลและเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น แต่พอไปถึงโรงเรียนอนุบาลปงไม่พบครูเปิ้ลซึ่งครูที่อยู่ภายในโรงเรียนได้แจ้งว่าครูเปิ้ลพาน้องข้าวฟ้างขึ้นรถตู้ไปส่งที่บ้านพักเด็กแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนตกใจมากจึงรีบเดินทางไปยัง สภ.ปง เพื่อจะไปถามรายละเอียดกับสารวัตรบอยคนที่มาเก็บเสื้อผ้าน้องข้าวฟ้าง แต่ก็ไม่เจอและมีตำรวจอยู่ 1 นายได้มาขอเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้ผมบอกว่าเดี๋ยวจะแจ้งให้สารวัตรบอยโทรกลับแต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครโทรกลับมา
หลังจากนั้นตนและลูกชายจึงเดินทางกลับมาบ้านซึ่งตนรู้สึกเสียใจมากจึงพิมพ์ข้อความระบายในเรื่องดังกล่าวลงใน facebook ส่วนตัว และในเวลาเดียวกันลูกสาวคนโตของตนได้พิมพ์ข้อความและโพสต์เรื่องราวดังกล่าวเข้าไปใน facebook ที่ชื่อ กลุ่มคนเมืองปง ภายหลังจากที่ลูกสาวของตนโพสต์ข้อความได้ประมาณ 3 ชั่วโมง จู่ๆ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ อส. กว่า 10 คนได้ขับรถเข้ามาจอดภายในบ้านโดยปลัดอำเภอมีท่าทีไม่พอใจและได้เข้ามาถามหาลูกสาวของตน โดยถามว่า ลูกสาวคนที่เป็นคนโพสต์ข้อความ คนที่ปากจัดไปอยู่ไหน ตนจึงบอกว่า เขาอยู่บ้านสามีเขา ซึ่งปลัดอำเภอ ได้ตำหนิว่าการที่เข้าไปโพสต์แบบนี้อาจทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงและเสียหายได้ซึ่งหลังจากนั้นข้อความดังกล่าวของลูกสาวก็ถูกแอดมินลบและบล็อกจากกลุ่มทันที โดยปลัดอำเภอได้พูดไกลเกลี่ยต่างๆนานา แล้วบอกว่าเรื่องน้องข้าวฟ้าง เดี๋ยวค่อยคุยกัน และกลับไป หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเข้ามาติดต่อหรือโทรศัพท์ติดต่อในเรื่องของน้องข้าวฟ้างอีกเลย
จนมาถึงวันศุกร์ที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ในช่วงเช้าได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายเข้ามาที่บ้านของตนโดยมาเชิญตัวลูกชายที่ชื่อเดบ หรือ นายสุภัคชัย ดุสิตากร อายุ 28 ปี ไปที่ สภ.ปง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าให้ไปคุยกันที่โรงพักก่อนต้นพร้อมด้วยลูกชายคนเล็กจึงเดินทางตามไป ต่อมาจึงทราบว่าลูกชายถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทำร้ายน้องข้าวฟ้าง ซึ่งโดนฟ้องคดีที่ 1. ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ และ 2. กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยใช้อวัยวะอื่นที่ไม่ใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศของเด็กนั้น
นายแซด หรือ นายสุรเดช ดุสิตากร อายุ 22 ปี ลูกชายของนางสมพรได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ครอบครัวของตนได้เลี้ยงน้องข้าวฟ้างมาตั้งแต่เกิด ทุกวันนี้ตนจะเป็นคนขับรถจักรยานยนต์ไปส่งไปรับน้องบาส และน้องข้าวฟ้าง อยู่เป็นประจำ ซึ่งในเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นตนรู้สึกสับสนเพราะมีหลายๆประเด็นที่มันไม่สอดคล้องกันแต่พยายามถูกนำมาเชื่อมโยงกัน ผู้สื่อข่าวถามว่าทราบหรือไม่ว่าพฤติกรรมของน้องข้าวฟ้างเป็นอย่างไร ในแซด ตอบว่าน้องข้าวฟ้าง มีนิสัยเหมือนผู้ใหญ่ฉลาด และดื้อมากๆ และมีพฤติกรรมชอบนำอวัยวะเพศไปถูกับเหล็กและสิ่งของต่างๆบางครั้งก็นอนทับหมอนข้าง หรือ ตุ๊กตา และก็โยกตัวขึ้นลง เลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งถ้าเกิดคนในบ้านเห็นก็จะต่อว่าและห้ามปรามตลอดและ ถ้าทำแบบนี้ แม่สมพร ก็จะตีสอน เพื่อไม่ให้ทำแบบนั้นอีก ซึ่งคนในบ้านทุกคนรวมถึงแม่ของตนรักน้องข้าวฟ้างมาก รวมถึงนายเดฟพี่ชายของตนที่ถูกจับ ก็รักหลานทั้งสองคนมากโดยจะซื้อขนมของใช้และของเล่นให้หลานทั้งสองคนเท่ากันแม้นว่าน้องข้าวฟ้างจะไม่ใช่หลานแท้ๆ แต่ด้วยความที่เลี้ยงมาตั้งแต่เกิดทุกคนในบ้านจึงมีความรักและห่วงใยมาก
นายแซด กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ที่มีหลายคนบอกว่าน้องถูกเชือกรัดคอจนก็เคยเห็นแต่ไม่ได้สังเกตุคิดว่าเป็นรอยของขี้ไคลเพราะน้องไม่ชอบอาบน้ำ คนในบ้านเลยตามใจและไม่อยากบังคับเพราะน้องมีพฤติกรรมที่เอาแต่ใจตัวเองหากใครขัดใจก็จะร้องกรี๊ดดึงผมหยิกแขนยึดขาตัวเองเป็นชั่วโมงกว่าจะหยุด จนทำให้คนในบ้านไม่อยากขัดใจ
ส่วนในวันที่ 29 มกราคม ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่บ้านเพื่อจะมาจับตัวนายเดฟซึ่งเป็นพี่ชาย ในวันนั้นตนทำงานอยู่และแม่สมพรได้โทรมาตามว่าตำรวจมาจับตัวพี่ชายไปตนจึงขอลางานเพื่อเดินทางกลับมาบ้าน ซึ่งในตอนแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าขอเชิญตัวไปที่โรงพักแต่พอไปถึงโรงพักจึงทราบว่าตำรวจได้จับกุมเข้าห้องขังพร้อมแจ้งว่าพี่ชายโดนคดีทำร้ายร่างกายและอนาจารน้องข้าวฟ้าง ซึ่งตนและแม่พยายามขอดูหลักฐานต่างๆจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่ามีหลักฐานทุกอย่างจะให้ดูไม่ได้ซึ่งทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยและพยายามทวงถามเรื่องนี้ตลอดมา
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ถามข้อมูลจากน้องบาส หรือ ด.ช. นครพิงค์ ดุสิตากร อายุ 9 ขวบ ลูกชายของลูกสาวคนโต ของ นางสมพร โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามน้องบาสว่าขณะที่ไปโรงเรียนมีเพื่อนคนไหนหรือใครแกล้งน้องข้าวฟ้างบ้างหรือไม่ น้องบาสตอบกับผู้สื่อข่าวว่า น้องข้าวฟ้างเคยบอกกับ น้องบาส ว่าเพื่อนแกล้งหมดทั้งห้อง โดย มี เพื่อนที่ชื่อ น้องฟ้าใส บีบคอ และ เพื่อนที่ชื่อ พู่กัน ตบหน้า ซึ่งน้องข้าวฟ่าง บอกแค่นี้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนอนุบาลปงเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่าผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปงไปราชการที่ตัวจังหวัดพะเยาและไม่มีครูคนไหนที่สามารถจะให้ข่าวในเรื่องนี้ได้บอกแต่เพียงว่าต้องรอให้ผู้อำนวยการเป็นคนให้ข่าว จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงโทรศัพท์ติดต่อไปหา นางทองพรรณ ปัญญาอุดมกูล ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปง ถึงความเป็นมาในเรื่องราวดังกล่าวซึ่งนางทองพันธุ์ได้กล่าวว่าในเรื่องนี้ทางโรงเรียนขอนัดแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่งโดยจะขอนัดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาแถลงข่าวด้วย โดยทางโรงเรียนและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ชี้แจงถึงสาเหตุต่างๆที่เกิดขึ้นอีกครั้งต่อไป
จากการติดตาม เจ้าหน้าที่ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพะเยา หลังเกิดเรื่อง ทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพะเยา ก็ได้ ช่วยเหลือ รับตัวเด็ก มาเลี้ยงดูแล อย่างใกล้ชิดพร้อมกับพัฒนาการที่เหมาะสม ฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ เพื่อให้เด็กเป็นปกติสุข มีความปลอดภัย