วันที่ 18 เม.ย. 64 บรรยากาศการละหมาดตาราเวี๊ยดในเดือรรอมฏอน ของค่ำคืนนี้ ที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีเป็นไปอย่างเงียบเหงา หลังนายรอย๊ะ หวันโซ๊ะ อิหม่ามมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี พร้อมคณะกรรมการประจำมัสยิด มีมติออกคำสั่งประกาศให้งดทำละหมาดตะรอเวียะห์ ละหมาดวันศุกร์ เเละกิจกรรมละศีลอดของมัสยิด หลังจังหวัดปัตตานี พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าทั้งหมด 7 ราย สำหรับกิจกรรมละหมาดตะรอเวียะห์ เเละละหมาดวันศุกร์ในเดือนรอมฏอนนี้สามรรถทำละหมาดได้ 50 คนเท่านั้น โดยเเถวละหมาดให้เว้นระยะห่าง 1.5 เมตร ล้างมือด้วยเจลก่อนขึ้นมัสยิด สวมใส่หน้ากากอนามัยขณะละหมาด ทางมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีจะมีการเเจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบอีกครั้ง เเละให้ติดตามข่าวสารประกาศของทางมัสยิดอย่างใกล้ชิด ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของ ศบค.ปัตตานี ฉบับที่20 โดยจังหวัดปัตตานีบังคับใช้ 3 ประการ ประการที่
1 ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงสูง ทั้ง 19 จังหวัด จะต้องเข้ามารายงานตัว เพื่อให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคคัดกรอง ว่ามีความสี่ยงสูงมาน้อยแค่ไหน ประการที่
2 คือ สถานบันเทิง แหล่งมั่วซุ่ม ในการจำหน่ายสุรา หรือสถานที่รวมกลุ่มกันดื่มสุรา ทางจังหวัดปัตตานีมีการห้ามอย่างเด็ดขาด รวมถึง ร้านเกมส์ ร้านคาราโอเกะ ได้มีการคำสั่งให้ปิดทั้งหมด
ประการที่ 3 คือ ในเรื่องของการเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน สถาบันการศึกษา ให้มีการปิดการเรียนการสอนทั้งหมด และที่สำคัญก็คือ ทางจังหวัดปัตตานี ได้กำหนดจำนวนคน ถ้ามีการจัดกิจกรรมเกิน 50 คน ก็จะถือว่าเป็นภาวะฉุกเฉิน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้ามโดยเด็ดขาด แต่ถ้าหากว่ามีการจัดกิจกรรมไม่เกิน 50 คน ก็จะต้องอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมของสาธารณสุขที่ได้วางกรอบไว้ หากพบว่ามีผู้ฝ่าฝืน จะมีความผิดตามกฎหมาย
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี มีผู้ติดเชื้อแล้วจำนวน 7 ราย นอกจากนี้สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าพื้นที่ปัตตานีในห้วงนี้ซึ่งเดินทางจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด 18 จังหวัดดังนี้ จังหวัดกรุงเทพฯ ขอนแก่น ชลบุรี เชียงใหม่ ตาก นครปฐมนครราชสีมา นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต ระยอง สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สระแก้ว สุพรรณบุรี อุดรธานี เเละล่าสุดเพิ่มเติมคือ จ.นราธิวาส เป็นจังหวัดที่ 19 ซึ่งเป็นจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดของจังหวัดปัตตานี
นายยูโซะ สะมะแอ ชาวบ้านที่นี่ เปิดเผยว่า จังหวัดมีการประกาศมาตรในการงดทำการละหมาดนั่น ตนเห็นด้วย เพราะอยู่ในช่วงของการแพร่รับาดของโควิท19 และต้องป้องกันโรคไว้ก่อน ซึ่งศาสนาก็ได้มีระบุไว้แล้ว หากมีโรคระบาดต้องงดทำการละหมาดให้ละหมาดที่บ้านแทน อันไหนที่สามารถหลัดเลี่ยงได้ก็ควรหลักเลี่ยง สำหรีบการละหม่ดที่บ้านก็ถืิว่าทำได้ เพราะการละหมาดตาราเวี๊ยดในสมันท่านศาสดา ก็ไม่ได้ละหมาดที่มัสยิดครบทั้ง 29วัน ก็มีบ้างที่บะหม่ดที่บ้าน อีกทั้งการละหมาดที่บ้านก็ดีอีกอย่างหนึ่ง เพราะได้ละหมาดกับคนในครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากัน
การแพร่ระบาดของโรคร้ายนี้ก็มีความกังวลมาก เพราะเป็นโรคที่เรามองไม่เห็น และเป็นโรคที่ค่อนข้างจะร้ายแรงมาก
สำหรับคนที่เห็นต่าง และมองว่าไม่ควรที่งดทำการละหมาด ก็เป็นความคิดของเขา แต่สถานการณ์แบบนี้การงดละหมาดก็ไม่ได้ผิดอะไร และไม่ใช่ไม่ให้ละหมาด แต่ให้กลับไปละหมาดที่บ้านแทน เพื่อไม่ให้โรคร้ายนี้แพร่ไปยังคนอื่นๆ ต้องป้องกันไว้ก่อน จนกว่าโรคจะคลี่คลายลง แม้กระทั้งจุฬาที่ออกประกาศ ถ้าไม่ขัดกับหลักของศาสนาทางจุฬาก็คงไม่ประกาศออกมาลักษณะนี้