ผู้นำของอังกฤษและสหรัฐฯ กล่าวว่า จะทำงานร่วมกับประเทศอื่น ๆ เพื่อพัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือสำหรับอัฟกานิสถาน และจะตัดสินคำสัญญาของกลุ่มตาลิบันที่การกระทำไม่ใช่คำพูด
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน กล่าวต่อรัฐสภาอังกฤษในวันพุธว่า อังกฤษจะตัดสินกลุ่มตาลิบันจากสิ่งที่จะทำต่อไปจากนี้ และจะตัดสินที่การกระทำไม่ใช่คำพูด ทั้งจากท่าทีต่อกลุ่มก่อการร้าย อาชญากรรมและยาเสพติด ตลอดจนสความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม และสิทธิของผู้หญิงในการได้รับการศึกษา
นายกฯ จอห์นสัน หารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ในวันอังคาร โดยทำเนียบขาวมีแถลงการณ์ว่า ผู้นำทั้งสองคนได้หารือกันเรื่องความร่วมมือระหว่างพันธมิตรเพื่อผลักดันนโยบายที่เกี่ยวกับอัฟกานิสถาน รวมถึงแนวทางที่ประชาคมโลกสามารถจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมพร้อมไปกับการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยและชาวอัฟกันที่เดือดร้อน
ผู้นำทั้งสองยังได้ตกลงกันว่าจะจัดประชุมผู้นำประเทศกลุ่มจี-7 ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือสถานการณ์ในอัฟกานิสถานด้วย
ทางด้านที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาว เจค ซัลลิแวน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ประชาคมโลกคาดหวังว่ากลุ่มตาลิบันจะทำตามที่รับปากไว้ในเรื่องการมอบสิทธิประชาชนขั้นพื้นฐานและเกียรติของความเป็นมนุษย์ให้แก่ชาวอัฟกัน และว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะสื่อสารโดยตรงถึงกลุ่มตาลิบันเกี่ยวกับความคาดหวังของสหรัฐฯ ด้วย
โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ของตาลิบันให้สัญญาว่าจะเคารพในสิทธิสตรีอัฟกันภายใต้ “กฎหมายอิสลาม” และจะจัดตั้งรัฐบาลอิสลามใหม่ที่มี “การเปิดกว้างยอมรับ”
ทั้งนี้ กลุ่มตาลิบันเคยใช้กฎหมายอิสลามที่เข้มงวดปกครองอัฟกานิสถานในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1996 – 2001 ก่อนที่กองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ได้บุกเข้าไปในอัฟกานิสถานเพื่อตอบโต้การโจมตีอเมริกาในเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายน ปี 2001 หรือ 9/11
ความหวาดกลัวว่าตาลิบันจะกลับไปใช้แนวทางเดิมในการปกครองประเทศ ทำให้ชาวอัฟกันจำนวนมากพยายามหลบหนีออกจากประเทศพร้อมกับนักการทูตต่างชาติและทหารอเมริกัน จนเกิดความวุ่นวายที่สนามบินในกรุงคาบูลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน
(ที่มา: วีโอเอ เอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์)