ภูมิภาค
เชื่ออาถรรพ์ศาลเจ้าพ่อเสือ หนุ่มหาปลาเจอดี ชาวบ้านเคยเห็นงูยักษ์
วันอังคาร ที่ 05 ตุลาคม พ.ศ. 2564, 20.40 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 5ต.ค.64 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานข่าวคืบหน้ากรณีนายอารีย์ ทำนพ อายุ 36 ปี อยู่ ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เห็นหญิงแต่งชุดไทยสีเขียว ขณะที่กำลังนั่งตอกหลักไม้ไผ่เพื่อดักตาข่ายหาปลาในสระน้ำกลางป่าข้างโรงเรียนร้าง (โรงเรียนประไพปัญญา) สังกัดการศึกษาเอกชนม.1 ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ตั้งห่างศาลเจ้าพ่อเสือริมแควขโมงประมาณ 300 เมตรเศษหลังจากจ้องมองหญิงแต่งชุดไทยสีเขียว ก็เกิดมีอาการเหม่อลอย และนั่งอยู่ตรงขอบสระน้ำ2ชม.
กระทั่งใกล้ค่ำจึงลุกออกจากขอบสระเดินออกมาถนนสาย304(กบินทร์บุรี –นาดี) แล้วโทรศัพท์บอกให้ภรรยามารับกลับบ้าน ขณะกลับบ้านมีอาการเหม่อลอยดวงตาแข็งกร้าว ไม่พูดเหมือนคนปกติ กระทั่งรุ่งเช้าจึงบอกกับภรรยาว่าให้พากันไปตามหารถจยย.เพราะจอดไว้ที่หาปลาแต่หาไม่เจอ ภรรยาและพ่อแม่พากันออกมาหารถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีน้ำเงิน-ขาวหมายเลขทะเบียน1กฉ7959ปราจีนบุรี ขณะที่ทุกคนเดินเข้ามาบริเวณที่จอดรถทิ้งไว้พากันขนลุก และเห็นรถจักรยานยนต์จอดอยู่ข้างป่ามันสำปะหลังห่างจากจุดที่นายอารีย์นั่งอยู่ขอบสระเพียง10เมตร นางชลธิชา ลีบุตร ภรรยาได้ออกไปซื้อธูปเทียนมาจุดเพื่อขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง ที่ดลบันดาลให้พบเห็นรถจยย.ที่ตามหาไม่เห็นตั้งแต่เมื่อค่ำวานที่ผ่านมา
ขณะที่นายดาวเรือง จันทร์สมดี เจ้าของไร่มันสำปะหลัง ที่อยู่ข้างที่เกิดเหตุเป็นคนนำจุดธูปเทียนขอขมาต่อเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่านายอารีย์ อาจฉี่รถจอมปลวด หรือ ตอตะเคียนหรือพูดจาลบหลู่เจ้าที่เจ้าทาง จึงทำให้เกิดเรื่องนี้ลับนี้ขึ้น
ล่าสุดช่วงก่อนพลบค่ำ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง ดูตรงจุดที่นายอารีย์นั่งตอกหลักไม้ไผ่สำหรับดักตาข่ายในสระน้ำกว้าง30เมตร ยาว80เมตร ลึก5เมตร และได้เดินไปสำรวจยังโรงเรียนร้าง เป็นอาคารปูนชั้นเดียวและ พบกับคนงานที่มาหักข้าวโพดซึ่งคนงานหักข้าวโพดพูดตรงกับนายอารีย์ที่บอกว่าครั้งแรกตนเองเคยมาหาปลา เห็นงูใหญ่มากอยู่บริเวณสระน้ำ
ด้านป้าบังอรเป้าสี นายณัฐวุฒิ วงศ์คำภู คนงานหักข้าวโพด กล่าวว่า ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาพวกตน กับเพื่อนคนงาน มาทำไร่ข้าวโพด ก็เห็นงูใหญ่ตัวหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่มาก อยู่บริเวณแห่งนี้ และบางวันมาใส่ปุ๋ยข้าวโพด ฝนตกเข้าไปหลบฝนในโรงเรียนร้าง รู้สึกวังเวงอย่างบอกไม่ถูกจนขนลุกเกรียว จึงพากันออกมาอาศัยอยู่ตามร่มไม้แทน ยอมรับว่าเข้าไปในโรงเรียนร้างรู้สึกวังเวงและขนลุกอย่างบอกไม่ถูก บริเวณดังกล่าวห่างจากศาลเจ้าพ่อเสือ ที่เป็นสถานที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีคนแวะเวียนมาเคารพกราบไหว้อยู่ประจำแทบทุกวัน สิ่งที่นายอารีย์พบเห็นอาจจะเป็นนางตะเคียนมาปรากฏให้เห็นก็เป็นได้
ด้านนายอุดม แนวสุข นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหนองกี่ อ.กบินทร์บุรี กล่าวว่า “สำหรับโรงเรียนร้างดังกล่าว สังกัดการศึกษาเอกชน (โรงเรียนประไพปัญญา) ก่อตั้งโดยกลุ่มญาติพี่น้อง (ครู) รวมทุนกัน เป็นนักธุรกิจการศึกษาที่ ต.สำพันตา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี แต่จากสภาพภูมิประเทศเป็นที่ลุ่มต่ำใกล้แควขโมง จึงถูกน้ำท่วมระดับสูงทุก ๆ ปี และยุบโรงเรียนมากว่า 10 ปีแล้ว
สำหรับศาลเจ้าพ่อเสือ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิเป็นที่เคารพสักการะอีกแห่งหนึ่งของชาวอ.กบินทร์บุรี อ.นาดี และใกล้เคียง เป็นเส้นทางเดินกองทัพผ่านของกองทัพไทย ในการปกป้องประเทศทั้งเดินทัพไปโจมตีหัวเมืองประเทศราชอาทิ ประเทศลาว หรือ ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และรัตนโกสินทร์ตอนต้น เห็นมาก่อนหน้านี้กว่า 70 ปี โดยบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งของโรงเลื่อย หริตวรณ์ ตลอดแควขโมงจะเป็นเส้นทางล่องท่อนซุงทั้งต้นลงมาจากผืนป่าดงพญาเย็น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอุทยานแห่งชาติทับลานก่อนล่องต่อไปแควหนุมาน และมาลงที่ต้นน้ำแม่น้ำปราจีนบุรี ทุก ๆ ปีทางโรงเลื่อยจะจัดพิธีบวงสรวงใหญ่ด้วยเครื่องเซ่นไหว้ หัวหมู ข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียน อาหารคาว หวาน ผลไม้ยิ่งใหญ่ทุก ๆ ปี และมีสิ่งศักดิ์สิทธิหลายอย่าง อาทิ เจ้าพ่อเสือที่คนมักไปขอพร โฃชคลาภ เจ้าแม่ตะเคียนให้เลขเด็ดถูกกันจำนวนมาก
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่