กรณีครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน กทม. กล่าวให้ร้ายอดีตประธานองคมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ โดยบูลลี่ ด้อยค่า ในเรื่องทางเพศ และให้ร้ายว่าเป็นเผด็จการที่เลวร้ายนั้น เป็นที่ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง
จะอ้างว่าเป็นเสรีภาพวิชาการไม่ได้เลย
เพราะเป็นการใช้ห้องเรียนในโรงเรียนยัดเยียดเรื่องเท็จ ให้ร้ายอดีตประธานองคมนตรีด้วยอคติ และชุดข้อมูลเท็จที่ตัวครูโง่ไปหลงเชื่อมา แล้วจะมาถ่ายทอดฝังหัวเพื่อปลูกสร้างความเกลียดชังให้เด็กๆ ในชั้นเรียน
นอกจากโง่แล้ว ยังเลวบัดซบอีกต่างหาก!!!
1. สมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ออกแถลงการณ์วันที่ 24 ธันวาคม 2565
ในฐานะที่พลเอกเปรมเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และเป็นอดีตนายกสมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ ระบุว่า
“1.พลเอกเปรม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย จากความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร โดยเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ท่านมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยเป็นนายกรัฐมนตรีติดต่อกันยาวนานถึง 6 ปีเศษ และท่านได้ปฏิเสธการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยคำว่า“ ผมพอแล้ว” อันถือได้ว่าเป็นอมตวาจาในสถาบันการเมืองของประเทศไทย
2.พลเอกเปรม เป็นทหารนักประชาธิปไตย มิได้มีความคิดเป็นเผด็จการไม่ว่าในหนทางใดๆ จะเห็นได้จากคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 ในการนำผู้มีอุดมการณ์ในทางตรงกันข้ามกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยให้มาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย กลับเข้ามาช่วยพัฒนาประเทศในด้านต่างๆจวบจนปัจจุบัน
3.พลเอกเปรม ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรีและเป็นประธานองคมนตรีและเป็นรัฐบุรุษ ที่เป็นตัวอย่างแห่งความซื่อสัตย์สุจริต ตลอดจนท่านถึงแก่อสัญกรรม
สมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ขอเรียนว่า สมาคมฯ สนับสนุนความคิดเห็นที่หลากหลายบนความถูกต้องไม่บิดเบือน และไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบและไม่สนับสนุนให้ผู้ที่ไม่ศึกษาหาข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน และนำข้อมูลที่บิดเบือนมาให้ความรู้แก่เยาวชนของชาติและจะสนับสนุนผู้ที่ใช้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริงนำมาให้ความรู้แก่เยาวชนของชาติในทุกวิถีทางต่อไป…”
2. ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตโฆษกรัฐบาลเปรมและโฆษกส่วนตัวพลเอกเปรม ถึงกับบอกว่า “วันนี้ผมอยากขยายความหมายของคำว่า “โคตรพ่อโคตรแม่ไม่สั่งสอน” ครับ”
ดร.ไตรรงค์ ระบุว่า
“… ช่วงนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความไม่พอใจอย่างหนาหู ที่มีคลิปครูผู้หญิงคนหนึ่งในโรงเรียนหนึ่ง ได้ใช้บทบาทการเป็นครูบาอาจารย์ในทางที่ไม่ควร บิดเบือนประวัติศาสตร์อย่างไม่มีสามัญสำนึก บังอาจสอนนักเรียนให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญของความเป็นคนดีอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษของประเทศไทย
คนเป็นครูนั้น ควรตระหนักน้ำหนักของบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของตน ว่าเป็นถึงแม่พิมพ์ของชาติ เป็นสิ่งที่น่ากังวลใจมากครับที่ระบบการศึกษาของไทยหละหลวมให้คนเช่นนี้มาปลุกปั้น ปลูกฝัง แนวคิดผิดๆ ให้ลูก ให้หลาน เราได้อย่างไร
#ผมขอสร้างความกระจ่าง ผมเป็นคนหนึ่งที่ใกล้ชิด เข้า-ออกนอกในบ้านสี่เสาเทเวศร์ตั้งแต่เมื่อครั้งท่านดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะท่านเป็นคนเชิญให้ผมไปสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ให้กับท่านเป็นการส่วนตัวที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ และหลังจากท่านได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมก็กลายเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นโฆษกรัฐบาล และโฆษกส่วนตัวให้กับท่าน จึงมีโอกาสมากกว่าใครๆ ในการเข้า-ออกนอกในของบ้านสี่เสาเทเวศร์
ผมรู้จักทหารทุกคนที่อยู่รับใช้ พล.อ.เปรม ตั้งแต่สมัยท่านเป็น ผบ.ทบ.ตลอดเวลามากกว่า 8 ปีที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ทหาร ตำรวจ ทุกคนที่ท่านเลือกให้ไปรับใช้อารักขาและช่วยงานด้านการเมืองการปกครองล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์กันทุกคน
พล.อ.เปรม จะไม่ชอบคนที่ไม่สะอาด (เช่นไม่โกนหนวดโกนเครา) และแต่งตัวไม่ถูกกาลเทศะและต้องมีมารยาทที่คนซึ่งได้สัมผัสจะไม่รู้สึกว่าน่ารังเกียจ เช่น ไม่สะอาด พูดจาไม่ไพเราะ มารยาทการกินอยู่ไม่สุภาพ ไร้คุณสมบัติความเป็นผู้ดี ทหาร ตำรวจ เหล่านั้นแม้จะไม่หล่อลากดินอย่างดาราหนัง แต่ก็สะอาดและมีปัญญาน่ายกย่อง เช่น พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ พล.อ.อู้ด เบื้องบน พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย และลูกหลานของ พล.ต.ต.ม.ร.ว.เจตจันทร์ ประวิตร เป็นต้น
ย้อนไปเมื่อท่านเป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อย จปร. ท่านเคยพบรักกับสาวสวยตระกูลดีมีฐานะคนหนึ่ง (ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของคุณหญิงพิมพา สุนทรางกูร) ทั้งคู่รักกันมาก สัญญาว่าเรียนจบเมื่อไรก็จะแต่งงานกัน แต่เมื่อเรียนจบพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยินดีให้ลูกสาวแต่งงานกับนายทหารที่มีฐานะครอบครัวห่างกันมาก ฝ่ายหญิงจึงถูกจับให้แต่งงานกับชายที่อยู่ในฐานะของสังคมในชนชั้นเดียวกัน นายร้อยเปรมได้แต่เสียใจเสียดาย แต่ก็เข้าใจผู้หญิงของท่านดี ท่านไม่ตำหนิ แต่สัญญาว่าชีวิตนี้จะรักเธอเพียงคนเดียว จะไม่แต่งงานกับผู้หญิงอื่น ไม่ว่าจะสวยเลิศฟ้ามาดินหรือมีฐานะทางสังคมสูงเช่นใด
พล.อ.เปรม เป็นคนพูดจริงทำจริง รักเดียวใจเดียว เหมือนอย่างที่ท่านเคยลั่นวาจาว่าจะรัก“ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเกิดเป็นคนต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” ท่านก็ปฏิบัติให้เห็นแล้วเป็นประจักษ์ว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาชาติให้เป็นปึกแผ่น รักษาศาสนาทุกศาสนาให้เป็นหลักในการชี้ทางธรรมให้แก่คนไทย และพร้อมจะตายเสมอถ้าใครจาบจ้วงและมุ่งทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นจุดศูนย์รวมของประชาชนทุกชนเผ่าที่เป็นประชากรของประเทศไทย
เมื่อสมัยหนุ่มๆ ตอนเป็นพันเอกท่านเป็นผู้การ ม.พัน 4 (กรมที่มีรถถังใหญ่และมีอานุภาพมากที่สุดของกองทัพ) ทหารที่คอยขับรถให้กับท่านในขณะนั้นชื่อ ร.ต.สนั่นขจรประศาสน์ ซึ่งตอนหลังได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพลตรี สมัย พล.อ.ชาติชาย เป็นนายกรัฐมนตรี พลตรีสนั่นซึ่งมีความสนิทสนมกับผมเป็นพิเศษได้เล่าให้ผมฟังว่า พล.อ.เปรม ไม่เคยยุ่งเกี่ยวใดๆที่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ คงเป็นคนที่ยึดมั่นวาจาสัตย์ว่าจะรักเดียวใจเดียวกับผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้ท่านอกหัก
#ความจริงที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว ครับ นอกเหนือจากนี้ล้วนเป็นความเท็จที่ผู้ไม่หวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์พยายามบิดเบือนใส่ความชั่วร้ายให้กับ พล.อ.เปรม (คนดีของประเทศ) ก็เพื่อปลูกฝังความเกลียดชังให้กับสถาบันฯ ว่าเลือกคนและเลือกใช้แต่คนที่ไม่ดีไม่มีคุณธรรมและไม่มีศีลธรรม
คนเป็นครู ต้องตระหนักว่าตนต้องไม่เอาทัศนคติส่วนตัวมาใช้ในการสั่งสอน แต่ควรยึดมั่นในหลักการ และหลักความเป็นจริง ที่มีหลักฐาน เชื่อถือได้ เด็กๆ เขากำลังสร้างความเข้าใจ สร้างทัศนคติที่เขามีต่อโลกอยู่ครับ อย่าทำร้ายพวกเขาด้วยการใส่ข้อมูลผิดๆ เลยครับ
ถ้าคนเป็นครูที่มีอคติเพราะได้รับข่าวสารมาผิดๆ แล้วนำความคิดอคติหรือมิจฉาทิฐินั้นมาสอนเด็กๆ เด็กเหล่านั้นโตขึ้นมาก็จะเป็นภัยกับความมั่นคงของประเทศอย่างแน่นอน
ผมเป็นครู แต่เขาเรียกอาจารย์ สอนที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีอายุราชการ 16 ปี (พ.ศ. 2510 – 2526) สอนนักศึกษาตั้งแต่ปีที่ 1 ถึงปริญญาโท ผมสำนึกตลอดในการไม่สอนนักเรียนของผมให้มีอคติใดๆ ตามความเชื่อส่วนตัวของผมเอง เพราะผมรู้สึกว่าการเป็นครูสอนคนมันเป็นอาชีพครึ่งพระครึ่งข้าราชการ อาจารย์หรือครูที่ดีจึงควรมีความซาบซึ้งพอสมควรกับศีลธรรมอันดีของทั้งศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่นๆ เพราะทุกศาสนาล้วนสอนให้คนละเว้นทำชั่วไม่เบียดเบียนคนอื่น ทั้งทางกาย วาจา และใจ และสอนให้ทุกคนพยายามทำความดี (สุจริต 3) คือ ทำดีทั้งทางกาย (เช่นไม่ทำร้ายผู้อื่น ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นต้น) ทำดีทางวาจา (คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดใส่ร้ายผู้อื่น ไม่พูดให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในสิ่งที่ควรจะเป็น และสิ่งที่ได้เป็นจริงไปแล้วในอดีต) ทำดีทางมโน (คือ มีจิตใจไม่อาฆาตมาดร้ายคอยสาปแช่งผู้อื่นให้ประสบความหายนะทั้งทางอาชีพและเกียรติยศชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลและรวมทั้งการสาปแช่งให้ผู้ใดป่วยหรือมีชีวิตสั้น เป็นต้น)
ธรรมะเหล่านี้จะถูกปลูกฝังในตัวเด็กๆ ได้ในชั้นแรกก็โดยการสั่งสอนอบรมของพ่อแม่ของครูบาอาจารย์ เอาเฉพาะพ่อแม่ย่อมมีความสำคัญมากกว่าครู เพราะอยู่ใกล้ชิดกับลูกมากกว่าครู ผู้ใหญ่ที่โตขึ้นมาจนมีอาชีพหลักเป็นของตนเองไม่ว่าจะเป็นครูหรือเป็นอะไรก็ตามจะเป็นคนที่มีจิตใจสูงปกคลุมด้วยธรรมะได้ต้องเป็นเด็กที่พ่อแม่เคยสั่งสอนมาตั้งแต่เล็กๆ แต่เด็กบางคน #โคตรพ่อโคตรแม่ไม่สั่งสอน พ่อแม่ไม่สอนธรรมะก็เพราะพ่อแม่เองก็เป็นคนไม่มีธรรมะ เหตุที่พ่อแม่ไม่มีธรรมะก็เป็นเพราะปู่ย่าตายายเป็นคนไม่มีธรรมะ เหตุที่ปู่ย่าตายายไม่มีธรรมะก็เพราะทวดทั้งฝ่ายพ่อฝ่ายแม่ไม่มีธรรมะ และเราสามารถจะอธิบายเช่นนี้สืบต่อค้นไปจนถึงต้นตระกูลของพวกมันเหล่านี้ คนที่ไม่มีธรรมะเช่นนี้
ภาษาไทยเดิมเขาเรียกว่า “เป็นคนที่โคตรพ่อโคตรแม่มันไม่ได้อบรมสั่งสอน มันจึงเลวอย่างที่เห็น หาดูได้ไม่ยากทั้งในวงการราชการและวงการการเมืองของไทย”
ถ้าเป็นทางฝ่ายข้าราชการ ผู้บังคับบัญชาใดพบเห็นลูกน้องที่มีพฤติกรรม “ไร้ธรรมะ” เช่นนี้ ต้องรีบทำอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ข้าราชการคนอื่นๆ ถ้าผู้บังคับบัญชาพบเห็นแล้วเฉยๆเสียก็แสดงว่าผู้บังคับบัญชาเหล่านั้นก็น่าจะเป็นคนที่ “โคตรพ่อโคตรแม่ไม่ได้สั่งสอนพวกมันมาเช่นเดียวกัน”
พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า การให้ธรรมทานร้อยครั้งก็ได้บุญน้อยกว่าให้อภัยทานเพียงหนึ่งครั้ง เพราะอภัยทานจะเกิดได้ก็แต่เฉพาะกับคนที่เข้าถึงปรมัตถบารมีซึ่งเป็นผู้อยู่ใกล้พระนิพพานมากที่สุด
ผมให้อภัยทานแค่ครึ่งเดียวต่อผู้ใส่ร้าย พล.อ.เปรมและสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะผมยังอยู่ห่างไกลจากพระนิพพานมากอยู่เหมือนกันครับ”
3. โรงเรียนต้นสังกัด และกระทรวงศึกษา ต้องจัดการเด็ดขาดกับครูที่ไม่ใช่ครูนางนี้
มิฉะนั้น สังคมย่อมเข้าใจว่า คอยให้ท้าย สนับสนุนการกระทำเยี่ยงนี้
ถ้าระดับบริหารคนไหนคอยให้ท้าย ก็ควรปลดออกไป ไม่ว่าจะระดับผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารหน่วยงานกำกับดูแลการศึกษา หรือแม้แต่ระดับรัฐมนตรี
และข้าราชการครูคนไหน มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ ควรถูกจัดการเด็ดขาด ผิดจรรยาบรรณความเป็นครูชัดเจน ต้องเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพครู ลงโทษวินัยราชการเด็ดขาด ไล่ออก
จะเก็บไว้กินเงินภาษีเพื่อป้อนยาพิษล้างสมองเด็กให้เกลียดสถาบันหลักของชาติทำไม
สารส้ม