เจ้าของร้านล้างรถปากแซ่บ สวนลูกค้าแจ้งรถเลอะ แต่ละคำเห็นแล้วเพลีย นี่ปากจริงหรือ งานนี้มีคนมองต่างอีกมุม เมื่อล้างรถวันที่ 25 แล้วเจอรอยเปื้อน 30 ไม่ควรแจ้ง
วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เฟซบุ๊ก Sutawan Pn มีการเล่าเรื่องราวการนำรถไปล้างที่ร้านแห่งหนึ่ง แต่กลับพบว่าข้างในรถมีรอยเลอะ จนนำไปสู่การแชตไปทักท้วงกับทางร้าน จนกลายเป็นดราม่าเจ้าของร้านปากแซ่บที่มีคนแชร์กว่า 100 ครั้ง มีรายละเอียดดังนี้
เจ้าของรถมีการจองคิวร้านล้างรถแห่งหนึ่งในวันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยใช้บริการร้านนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว เนื่องจากชอบในการบริการพนักงาน ราคาไม่แพง แค่ 200 บาทสำหรับรถขนาดใหญ่ หลังจากล้างรถเสร็จก็นำรถมาใช้ตามปกติ
กระทั่งวันที่ 30 ธันวาคม เดินทางมาต่างจังหวัด มีคุณแม่นั่งด้านหลังคนขับแถว 2 ก่อนที่แม่จะทักว่า “ตรงที่จับด้านข้างเลอะอะไร” พอไปดูจุดที่เลอะ ทุกคนก็งงว่า รอยเลอะมาจากไหน สอบถามกันเองก็ไม่มีใครรู้ว่ามันมายังไง จากนั้นก็ตรวจสอบรอยเลอะจุดอื่น ๆ พบว่า คอนโซลหน้ารถ ที่บังแดด ที่จับข้าง ๆ มีรอยเลอะคล้ายผ้าเปียกเลอะฝุ่นแล้วมาเช็ดต่อ เป้าหมายเดียวที่คิดว่า เป็นไปได้ที่สุดว่าใครทำรถเลอะคือ ร้านล้างรถ
เมื่อแจ้งไปทางร้าน ดราม่าก็บังเกิด
ดังนั้น เจ้าของรถแจ้งไปทางร้าน เจตนาคือแจ้งให้ทราบ ไม่ได้หวังเอาผิดหรือเรียกร้องอะไร หวังว่าทางร้านจะป้องกันมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้กับลูกค้ารายอื่น และมั่นใจว่า รอยเลอะนี้ไม่ได้มาจากคนในบ้านอย่างแน่นอน เพราะมันเลอะทั้งรถมากเกินไป
ส่วนทางร้านก็ปฏิเสธ ยืนยันว่า ทางร้านไม่ได้ยุ่งกับผนังเพดานรถอย่างแน่นอน เพราะเมื่อก่อนเคยทำความสะอาดแล้วเกิดรอยไหม้ จนต้องรับผิดชอบลูกค้า หลังจากนั้นทางร้านจึงไม่แตะจุดนี้อีกเลย พร้อมกับขอข้อมูลจากทางเจ้าของรถเพื่อไปตรวจสอบวงจรปิด กล้องสามารถเช็กวิธีการเช็ดรถได้
เมื่อเจ้าของรถถามซ้ำว่า ทางร้านไม่เคยยุ่งกับขอบหน้ารถ ที่บังแดด ตรงมือจับเลยใช่ไหม ทางร้านยืนยันว่าไม่เคยยุ่ง และจะตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดให้
บานปลาย ร้านสวนกลับ ล้างวันที่ 25 ทำไมมาแจ้ง 30
หลังจากนั้น สถานการณ์เริ่มบานปลาย เมื่อลูกค้าบอกข้อมูลไปว่า วันที่ล้างรถคือวันที่ 25 ธันวาคม จนทางร้านถามว่า วันนี้วันที่ 30 ธันวาคมแล้ว ตอนนำรถออกไปไม่มีตรวจเลยหรือ รวมถึงขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อไปคุยโดยตรง
แต่ประโยคที่พีคที่สุดที่คุยกัน ทางร้านบอกว่า “ใช้รถ หัดดูบ้างนะคะ เลอะเอง อย่ามาโทษร้าน ล้างตั้งแต่ 25 เพิ่งแจ้ง 30 ก็ยินดีดูให้นะคะ” เจอแบบนี้ทางเจ้าของรถก็โมโห เพราะเจตนาบอกชัดเจนว่า แจ้งให้ทราบเฉย ๆ ไม่ได้เอาเรื่อง เพราะกลัวทางร้านไปทำรถคันอื่นเลอะ จึงตอบกลับว่า “นี่ปากหรืออะไร นี่แจ้งปกติแบบดี ๆ มากเลย”
อย่างไรก็ตาม ทางร้านไม่มองอย่างนั้น สวนกลับไปว่า “ว่าตัวเองทำไม เพราะการตอบดูอยากเอาชนะยังไงไม่รู้” ส่วนเจ้าของรถก็ยืนยันคำเดิมว่า “ไม่ได้หาเรื่องร้าน แค่บอกด้วยความหวังดีเฉย ๆ ดูพูดจาสุดยอดมากเลย”
ลามปามถึงเรื่องความมีการศึกษา
ทางร้านก็สวนกลับอีกว่า “คำนี้คือคนมีเหตุผล คนมีการศึกษาพูดกันหรือ? ไม่มีการศึกษา ไม่ได้วัดถึงคุณภาพชีวิต และคุณเป็นฝ่ายพูดไม่ดีก่อน ไปตักน้ำใส่กะโหลกแล้วชะโงกดูเงา พูดเหมือนอยากเอาชนะ กินยาบ้างนะคะ สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะ”
เจอแบบนี้เข้าไป เจ้าของรถก็งง ว่ามันโยงเรื่องร้านไม่มีการศึกษาได้อย่างไร และสงสัยว่า นี่คือเจ้าของร้านตอบจริงหรือ จึงถามไป ทางร้านก็ยืนยันว่า เป็นเจ้าของร้านตอบจริง ๆ ลูกค้าปัญญาอ่อนคนเดียว เชิญตามสบาย หัดตรวจรถบ้าง ถ้าร้านอื่นไม่มีกล้องอาจจะซวยกับลูกค้าแบบนี้ อย่าไปทำแบบนี้กับใคร ส่วนทางร้านอโหสิกรรมให้ ล้างรถเองมันเหนื่อยนะ
สุดท้าย สามีที่เป็นคนขับรถเอง ต้องเข้ามาพิมพ์แชตเองเพราะทนไม่ไหว ยอมรับผิดว่า เช็กรถไม่ดีเอง และไม่มีเจตนาว่าทางร้าน แค่อยากให้รู้เผื่อไม่ให้มีเคสกับคันอื่น ยืนยันว่า ฝั่งตนไม่ได้ทำเลอะอย่างแน่นอน และทางร้านตอบคำถามที่ไม่โอเคมาก ๆ ถ้าร้านไม่ได้เป็นคนทำ ก็ยืนยันมาแค่นั้นก็จบ การตอบแบบนี้ยิ่งทำให้สถานการณ์ไม่ดี ลองทบทวนดูว่ามันถูกต้องไหม
ส่วนทางร้านก็ตอบกลับมาว่า ทางร้านมีศักยภาพรับผิดชอบถ้าเกิดมีปัญหา ขอแค่ลูกค้าเอาหลักฐานมาว่า รถไม่มีรอยมาก่อน แล้วค่อยมาพูดกัน เพราะทางร้านมีการติดกล้องทุกมุม สามารถเช็กได้อย่างแน่นอน
ชาวเน็ตมองร้านปากแจ๋ว ปวดหัวกับภาษา อีกฝั่งมอง ไม่ควรแจ้งเพราะช้าเอง
ด้านชาวเน็ตเจอแบบนี้ปวดหัวแทน สิ่งแรกที่ปวดไม่ใช่ความปากแจ๋ว แต่เป็นภาษาที่ใช้ราวกับใช้ AI มาตอบคำถาม อีกส่วนที่น่าสงสัยคือ ตอนแรกของแชตกับตอนหลังที่สามีเป็นคนทัก คนตอบจากฝั่งทางร้านเหมือนคนละคน ราวกับแอดมินมีหลายคน
อย่างไรก็ตาม การที่ร้านตอบแชตแบบนี้ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นวิบัติเอาได้ง่าย ๆ ปากแจ๋วเหลือเกิน ส่วนคนที่มองอีกมุม เตือนฝั่งเจ้าของรถว่า ถ้าหากเอารถไปล้างวันที่ 25 แล้วเจอวันที่ 30 ก็ไม่ควรไปแจ้งแล้ว เพราะตัวเราเองก็ไม่แน่ใจว่า คราบสกปรกเกิดขึ้นเมื่อใด เรื่องนี้ถือเป็นบทเรียน ถ้าล้างรถที่ร้าน ควรเช็กทุกครั้งก่อนกลับ
ความเห็นอีกฝั่งคือ เจ้าของรถเป็นฝ่ายผิด เพราะไม่ยอมหยุด ประเด็นนี้ควรหยุดตั้งแต่ทางร้านบอกว่าเช็กกล้องแล้ว ไม่ใช่ต่อความยาวสาวความยืด ถ้าหากเป็นมุมของทางร้านก็คงไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ล้างวันที่ 25 มาเช็กวันที่ 30 ลูกค้าก็เยอะ คงมีหัวเสียเป็นธรรมดา